ชุมชน คนรัก บางแก้ว

สัตว์เลี้ยงสวยงาม

เสียงเห่าขรมดังหนักหน่วง ทำเอากลุ่มผู้ร่วมงานที่เดินทางมาด้วย กรูไปอยู่รวมกันเป็นก้อน ประหนึ่งขนมปังก้อนกลมๆ อย่างไรอย่างนั้น แต่ทันทีที่เสียงเจ้าของบ้านจุ๊ปาก เสียงเห่าขรมที่ได้ยินชัดในตอนแรก กลับเบาเสียงลงเรื่อยๆ และเงียบไปในที่สุด

“เด็กๆ ที่นี่ ว่าง่าย ไม่ดุเหมือนอย่างที่ใครเข้าใจหรอก”

ความหมายของ คำว่า “เด็ก” ในที่นี้ คือ “สุนัขพันธุ์บางแก้ว” ที่ คุณฤทธิรงค์ ม่วงแสง เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้ และให้ความสำคัญเป็นพิเศษเสมือนหนึ่งบุคคลในครอบครัว

เรื่องราวของสุนัขพันธุ์บางแก้ว ที่คุณฤทธิรงค์ปั้นสร้างมากับมือ ตั้งแต่เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนรัก เพื่อนกิน และเพื่อนนอน กระทั่งปัจจุบันเติบโตขึ้นเป็นฟาร์มสุนัขเล็กๆ อย่างที่ใฝ่ฝัน

เริ่มต้นจากที่คุณฤทธิรงค์ชื่นชอบ และนิยมในสุนัขที่มีลักษณะเป็นผู้นำ ซึ่งระยะแรกตั้งใจเลี้ยงสุนัขพันธุ์อัลเซเชียล แต่ครั้งหนึ่งที่เห็นสุนัขพันธุ์อัลเซเชียลถูกข่มด้วยสุนัขพันธุ์บางแก้ว จึงจุดประกายความชอบในสายพันธุ์บางแก้วขึ้นมาทันที

คุณฤทธิรงค์ พูดหยอกกระเซ้าว่า คุณเชื่อไหมว่า...เจ้า 4 ขา ที่แม้มันจะพูดไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ หัวเราะไม่ได้ แต่มันสามารถทำให้เรามีความสุขได้

สุนัขสายพันธุ์บางแก้ว ที่ฟาร์ม “ละโว้บางแก้ว” มีอยู่ไม่มากนัก ราว 15 ตัว ที่คุณฤทธิรงค์ไม่คิดจะขายหรือส่งต่อให้ใคร แต่มีไว้สำหรับเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และส่งประกวดในงานต่างๆ เพื่อรักษามาตรฐานสายพันธุ์บางแก้วไว้

“บางแก้ว ตัวแรกของผม ซื้อจากถิ่นกำเนิดเดิม คือ จังหวัดพิษณุโลก เพราะเห็นว่าเป็นต้นสายพันธุ์ เริ่มเลี้ยงเพียงตัวเดียว จากนั้นไปชมในงานประกวดสุนัขสายพันธุ์บางแก้วทุกงาน เพื่อศึกษาและดูลักษณะมาตรฐานตามสายพันธุ์ให้เป็น และเริ่มซื้อสุนัขพันธุ์บางแก้วเพิ่มขึ้น เมื่อเริ่มมีความรู้และรู้จักงานประกวด จึงส่งสุนัขเข้าประกวดบ้าง และงานแรกที่ส่งเข้าประกวด ได้รางวัลที่ 3 ก็ถือเป็นความภูมิใจครั้งหนึ่ง”

เมื่อความรักและความสนใจในการขยายพันธุ์และรักษาสายพันธุ์ให้ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น จำนวนสุนัขพันธุ์บางแก้วจึงเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามลำดับ ในระยะแรกสุนัขเพิ่มขึ้นจากการซื้อ ต่อมาเพิ่มจำนวนจากการขยายพันธุ์เอง และเพื่อให้การเพาะเลี้ยงมีมาตรฐาน สุนัขพันธุ์บางแก้วของคุณฤทธิรงค์เกือบทุกตัวจะผ่านเวทีประกวด เพื่อเป็นเครื่องการันตีถึงมาตรฐานสายพันธุ์ที่เชื่อถือได้

พื้นที่บริเวณบ้านถูกแบ่งเป็นสัดส่วน กั้นรั้ว และมีกรงสุนัขที่สั่งทำขึ้นให้ได้ขนาดสำหรับสุนัข 1-2 ตัว ซึ่งเมื่ออยู่ในกรงแล้วจะไม่ทำให้สุนัขรู้สึกอึดอัด เพราะตลอดทั้งวันสุนัขทั้งหมดจะอยู่ในกรง ยกเว้นเช้าและเย็นที่เจ้า 4 ขา จะเป็นเวลาวิ่งเล่นได้ตามอัธยาศัย

คุณฤทธิรงค์ เล่าถึงการดูแลสุนัขในสไตล์ของ “ละโว้บางแก้ว” ว่า ใน 1 วัน จะปล่อยให้สุนัขออกจากกรงเพื่อขับถ่าย วิ่งเล่น ทุกเช้าและเย็น ครั้งละ 20 นาที แต่มีกติกาการปล่อย โดยจะแบ่งสุนัขเป็นชุด ปล่อยครั้งละชุด เมื่อชุดแรกวิ่งเล่นครบ 20 นาที ก็เรียกเข้ากรง และปล่อยสุนัขชุดต่อไป

เหตุผลของการแบ่งสุนัขเป็นชุด เพราะอาจมีสุนัขบางตัวไม่กินเส้นกัน จึงจำเป็นต้องแยกสุนัขออกจากกัน สุนัขคอกเดียวกันอาจไม่ถูกกันก็ได้ ดังนั้น การแบ่งสุนัขแต่ละชุดให้ดูจากพฤติกรรมของสุนัขเป็นหลัก โดยละโว้บางแก้วแบ่งสุนัขออกเป็น 5 ชุด ในช่วงเช้า เริ่มปล่อย เวลา 06.00 น. และช่วงเย็น เริ่มปล่อย เวลา 16.30 น.

การให้สุนัขอยู่ในกรงเดียวอย่างเดียว แม้จะมีน้ำ อาหาร ครบถ้วนสมบูรณ์ จะทำให้สุนัขเครียด และเกิดผลพวงอื่นตามมาได้ เช่น อาการก้าวร้าว หรือเจ็บป่วย เป็นต้น

“สิ่งแวดล้อมบริเวณที่เลี้ยงสุนัขก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้สุนัขร่าเริง” คุณฤทธิรงค์ บอก และอธิบายเพิ่มอีกว่า บริเวณโดยรอบพื้นที่เลี้ยงจะจัดแบ่งเป็นสนามหญ้าโล่ง ส่วนหนึ่งเป็นพื้นซีเมนต์ มีต้นไม้ให้ความร่มรื่น และเปิดพัดลมภายในกรงให้กับสุนัขในเวลากลางวัน

“สายพันธุ์บางแก้วในอดีต อาจเป็นสุนัขที่มีความก้าวร้าว แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ลดความก้าวร้าวลงให้มากที่สุด เพราะเสน่ห์ของบางแก้วอยู่ที่ เลือกที่จะรัก จึงควรพัฒนาเรื่องจิตประสาทและโครงสร้างของสุนัขให้ดี”

อาหารสำหรับสุนัข เป็นอาหารเม็ดทั่วไป วิธีการเลือกให้ดูที่ส่วนผสมของอาหาร หากต้องการให้สุนัขได้รับสารอาหารชนิดใด ก็เลือกได้ตามสะดวก ไม่มีกฎตายตัว ซึ่งคุณฤทธิรงค์เพิ่มโปรตีนให้กับสุนัขด้วยการเพิ่มไข่ต้มคลุกกับอาหารเม็ดให้สุนัขกิน

ละโว้บางแก้วให้อาหารสุนัขวันละมื้อ และมีข้อแนะนำว่า ในสุนัขเด็กอายุน้อยกว่า 8 เดือน เพิ่มแคลเซียมและโยเกิร์ตธรรมชาติในมื้ออาหาร และเพิ่มนมจืดในช่วงเย็น ทั้งยังควรดูแลเป็นพิเศษสำหรับสุนัขที่อายุมาก ลูกสุนัข และสุนัขตั้งท้อง ควรให้แคลเซียม วันละ 1 เม็ด

คุณฤทธิรงค์ ยกตัวอย่าง หนึ่งในสุนัขตัวโปรด ซึ่งทำหน้าที่พ่อพันธุ์ให้กับฟาร์มละโว้บางแก้วในขณะนี้ โดยบอกว่า “ฮอลลี่” เป็นสุนัขที่ได้เจ้าของตำแหน่งไทยแลนด์แชมป์ และอีกหลายรางวัลของการประกวด ซึ่งรางวัลที่ภูมิใจมากที่สุด เป็นรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 7 ณ สวนสามพราน ประจำปี 2550 ซึ่งก่อนหน้าเจ้าฮอลลี่เป็นสุนัขที่มีเจ้าของ แต่ความใส่ใจในเจ้าของเดิมมีน้อย ฮอลลี่จึงถูกบอกขาย แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะสภาพของฮอลลี่ขณะนั้น ป่วยเป็นโรคเรื้อน แม้อดีตที่สุนัขตัวนี้เคยผ่านเวทีประกวด และคว้าตำแหน่ง Best puppy ด้วยวัยเพียง 8 เดือน มาครองในหลายเวทีก็ถูกมองข้ามไป แต่ในที่สุดคุณฤทธิรงค์ก็ตัดสินใจซื้อฮอลลี่มาด้วยราคา 30,000 บาท

ปัจจุบัน ราคาซื้อขายฮอลลี่ในฐานะพ่อพันธุ์สูงหลักแสน แต่คุณฤทธิรงค์ขอเลือกเก็บเจ้าฮอลลี่ไว้

สาวสวยของ “ละโว้บางแก้ว” อีกตัว ที่เป็นเจ้าของถ้วยรางวัลจากการประกวดมากมาย ทั้งยังจบไทยแลนด์แชมป์ด้วยวัยเพียง 9 เดือน คือ ชีลี่ ถึงขณะนี้ราคาซื้อขายชีลี่ที่วงการประกวดรู้กัน คือ 500,000 บาท

คุณฤทธิรงค์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแล ฝึก และขยายพันธุ์สุนัข ซึ่งนอกเหนือจากการรับผสมโดยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แล้ว ยังจำหน่ายลูกสุนัขให้กับผู้ที่ชื่นชอบและนิยมในสุนัขสายพันธุ์บางแก้ว
เมื่อถามถึงราคาซื้อขายต่อตัว คุณฤทธิรงค์ บอกว่า สุนัขพันธุ์บางแก้วเกรดประกวด ราคาขายเริ่มต้นที่ 35,000 บาท อายุลูกสุนัขที่จำหน่ายได้ ต้องอายุ 45-75 วัน และที่ผ่านมาลูกสุนัขของละโว้บางแก้ว เคยจำหน่ายได้ราคาสูงสุดถึงตัวละ 80,000 บาท

ความภูมิใจของ “ละโว้บางแก้ว” ที่พยายามเพาะเลี้ยงและรักษามาตรฐานสายพันธุ์บางแก้วมานานกว่า 10 ปี ทำให้ปัจจุบัน ละโว้บางแก้ว เป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้ว และผู้สนใจเลี้ยงจำนวนมาก หากใครยังไม่เคยสัมผัสความน่ารักของสุนัขสายพันธุ์บางแก้ว สามารถชมและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณฤทธิรงค์ ม่วงแสง โทรศัพท์ (084) 715-1919 และ (081) 832-1163 หรือติดต่อขอเข้าชมได้ที่ “ละโว้บางแก้ว” เลขที่ 128 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเว็บไซต์  www.lawoebangkaew.com

.............

สุนัขสายพันธุ์บางแก้ว เป็นสุนัขไทยพันธุ์หนึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่บ้านบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ประเทศไทย

ที่มาของสายพันธุ์ เกิดจากความบังเอิญที่สุนัขเพศเมียสีขาวดำของเจ้าอาวาสวัดบางแก้วได้ไปผสมพันธุ์กับสุนัขป่า และให้กำเนิดลูกสุนัขครอกหนึ่ง ซึ่งถือเป็นต้นตระกูลของสุนัขพันธุ์บางแก้วในปัจจุบัน ปี 2500 ได้มีการร่วมกันพัฒนาและกำหนดมาตรฐานแห่งสายพันธุ์ขึ้น เพื่อให้มีลักษณะประจำพันธุ์เป็นเอกลักษณ์ที่แน่นอน อันเป็นที่มาแห่งสายพันธุ์บริสุทธิ์ ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์บางแก้ว ถือว่าเป็นมรดกอันล้ำค่าของจังหวัดพิษณุโลก ปัจจุบันมีผู้นิยมนำไปเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ทั่วทุกภาคของประเทศ

ลักษณะทั่วไป เป็นสุนัขขนาดกลาง โครงสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีสัดส่วนที่กลมกลืน ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว

พฤติกรรมและอารมณ์ มีความตื่นตัว ร่าเริง รักเจ้าของ เชื่อมั่นในตัวเอง จิตประสาทมั่นคง ไม่ขลาดกลัว ซื่อสัตย์ หวงแหนทรัพย์สิน ฉลาดปราดเปรียว กล้าหาญ สามารถฝึกใช้งานได้

ขน ยาวปานกลาง มี 2 ชั้น ชั้นในละเอียดนุ่ม ชั้นนอกเส้นใหญ่เหยียดตรง ยาวคลุมบริเวณแผ่นหลัง
สี ขาว-น้ำตาล, ขาว-ดำ, ขาว-เทา

ความสูงที่เหมาะสม วัดที่ไหล่  เพศผู้ 19-21 นิ้ว (46-56 เซนติเมตร) ส่วนเพศเมีย 17-19 นิ้ว (41-51 เซนติเมตร)

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสุนัขสายพันธุ์บางแก้วในการประกวด

Bow-hocked ส้นเท้ากางออกจากกัน เป็นผลให้ปลายเท้าบิดเข้า

Cow-hocked ส้นเท้าบิดเข้าหากัน เป็นผลให้ปลายเท้าบิดออก

Close behind ขาหลังบีบตัวเข้าหากันตั้งแต่โคนขาลงมา ถือว่าเป็นข้อบกพร่องของการวิ่งชนิดหนึ่ง

Crossing over การวิ่งที่ผิดปกติเนื่องจากข้อศอกบิด เป็นผลทำให้เท้าหน้าไขว้กัน ซึ่งเรียกเป็นอย่างอื่นว่า weaving, knitting

Level bite ลักษณะการสบของฟันแบบ ปลายฟันหน้าบนแตะปลายฟันหน้าล่างพอดี

Out at elbows ข้อศอกกางออก เป็นผลทำให้ปลายเท้าหันเข้าหากัน

Overshot bite ลักษณะการสบของฟันแบบ ฟันหน้าบนยื่นล้ำฟันหน้าล่าง

Paddling การวิ่งที่ผิดปกติ/เนื่องจากการแกว่งตัวของข้อศอก เป็นผลทำให้ปลายเท้าเหวี่ยงออกด้านนอก ซึ่งเรียกเป็นอย่างอื่นว่า tied at elbows

Scissors bite ลักษณะการสบของฟันแบบ ปลายฟันหน้าด้านล่างสัมผัสด้านในของฟันหน้าด้านบน

Side-winding อาการวิ่งที่ผิดปกติเนื่องจากเท้าหลังสอดเกยเท้าหน้าขณะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะกันดังกล่าว จึงเป็นผลให้การเคลื่อนที่เป็นลักษณะเฉียง อาการเช่นนี้เป็นผลมาจากการที่จังหวะเท้าสัมผัสพื้นระหว่างเท้าหน้ากับเท้าหลังไม่สัมพันธ์กัน และอาจมาจากสาเหตุที่สุนัขมีขาหลังที่ยาวเกินไป

Single track รอยเท้าเดี่ยว คือ ลักษณะการย่างก้าวที่ปลายเท้าทั้งสองข้างชิดเข้าหากันและสัมผัสพื้นเป็นแนวเส้นตรงข้างใต้ลำตัวเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดรอยเท้าเป็นเส้นตรงเส้นเดียว

Straight normal การเตะขาที่ถูกต้อง เท้าไม่บิดไปข้างใดข้างหนึ่ง
Stop มุมระหว่างหน้าผากกับสันจมูก

Undershot bite ลักษณะการสบของฟันแบบ ฟันหน้าล่างยื่นล้ำฟันหน้าบน

บทความพิเศษ

       
" "ผมได้มีโอกาสพูดคุยกันบ้างกับบรรณาธิการหนังสือสวนจตุจักร คุณทวนชัย อัคนิบุตร ท่านได้จุดประกายไฟไว้มาก และได้ไถ่ถามกันเรื่องเกี่ยวกับสุนัขบางแก้ว โดยเฉพาะส่วนหนึ่งในการพูดคุยกัน ได้ทราบข้อมูลลึกๆ ของบางแก้วโดยเฉพาะ ท่านมีความคิดอยากให้ช่วยถ่ายทอด การพูดจาเรื่องวหมาบางแก้วให้สมาชิกทั่วไปได้ทราบบ้าง ผมก็เลยตอบตกลงขออกตัวกับท่านสมาชิกผู้อ่านเกี่ยวกับบทความต่างๆ ที่ลงไม่ค่อยสละสลวยนัก แต่ก็คงมีอะไรดีๆ แทรกอยู่บ้าง

หลักๆ เลยก็คงมีความเป็นมาเป็นไป อาจจะมีการอ้างอิงบุคคลบ้าง ก็กราบขออภัยท่านที่เอ่ยชื่อด้วย เพียงเพื่อให้บทความต่างๆ กระจ่างขึ้น ก่อนอื่นเนื้อหาแรกๆ จะขอเรียนเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาต่างๆ ของบางแก้ว อย่างเป็นขั้นตอน ท่านที่ทราบแล้วก็ขอให้คิดว่าดูหนังรอบสองก็แล้วกัน ต่อไปจะเรียนให้ทราบเกี่ยวกับมาตรฐานพันธ์ว่าขั้นตอนความเป็นมาเป็นไปจนถึงวันนี้เป็นอย่างไร การตัดสินเฉพาะ ที่ได้ลงมติกัน... ทำจึงใช้มาตราการการตัดสินอย่างนี้ หูที่ดีตามมาตรฐานนั้นเป็นอย่างไร หางที่ดีเป็นอย่างไร ฯลฯ

ในปัจจุบันสุนัขไทยพันธ์บางแก้วเป็นที่รู้จักกันในประเทศอย่างกว้างขวาง จะเป็นสื่อต่างๆ โดยเฉพาะบางอย่างในตัวสุนัขเองและสำคัญที่สุด...ความเหมาะสม, ความเป็นเอนกประสงค์ ที่เหมาะสำหรับใช้ประโยชน์นาๆ ประการ ตามที่ผู้เลี้ยงต้องการ จะมีสิ่งพิเศษให้เห็นเฉพาะ..มีความอิจฉาออกนอกหน้านอกตาบ้าง ทำตัวเหมือนเด็กกับเจ้าของ... คลุกคลี, เคล้าเคลียไม่ว่าอายุเขาจะเท่าไหร่ก็ตาม บางทีถ้าไม่ศึกษาสังเกตุให้ถ่องแท้ในนิสัยตรงนี้อาจเกิดความรำคาญ หรือว่าดุบ้าง ชอบคลุกตัวเถือกไถของสกปรก โดยเฉพาะซากสัตว์เน่าเหม็น ทุกอย่างแก้ไขได้เมื่อทำการฝึกฝนอย่างถูกวิธี มีวิธีการเยอะไปจากการถามผู้รู้เกี่ยวกับการฝึกฯ ศึกษาจากการอ่าน แต่ที่กล่าวให้ทราบแล้วนั้น ก็เพราะบางแก้วเดิมเป็นอย่างนั้นจริงๆ ชอบตรงไหนก็ดำรงคงไว้ ไม่ชอบก็แก้ไขตามความต้องการ

ในอดีตที่กล่าวกันว่ากัดเจ้าของ ... ก็สุนัขของเรามีการพัฒนาการมาจากสุนัขท้องถิ่นผสมกันสุนัขป่า อย่างกรณีหมูป่ากับหมูบ้านนั่นแหละ พัฒนาพันธุ์เกิดมาโดยธรรมชาติเป็นตัวกำหนด เกิดจากความเหมาะสมจากสิ่งแวดล้อม...สัญชาตญาณป่ายังฝังรากลึกอยู่มาก ลักษณะนิสัยหวงถิ่นที่อยู่,การล่า,การระแวดระวังภัย ต่อต้านความแปลกหน้าแปลกปลอม ถ้าขนคอตั้งขนหัวพองชัน ระวัง... อาจถูกโจมตีได้ คลุกไถตัวเกลือกกลั่วของเหม็น ก็อาจจะพรางกลิ่นศัตรูหรือเหยื่อ โดยสรุปก็ตามธรรมชาติเดิมดังที่กล่าว แต่ปัจจุบันบางแก้วได้รับการพัฒนาพันธุ์โดยมนุษย์มาหลายชั่วอายุ และสำคัญที่สุดได้จัดการบันทึกทำใบพันธุ์ประวัติอย่างดี มีระบบถูกต้องแบบอย่างสากล ทำกันจริงจังมาตั้งแต่ พ.ศ. 34 จนปัจจุบันก็ 11 ชั่วอายุแล้ว ความเป็นอะไรต่างๆ ของนิสัยเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่กล่าวข้างต้น ว่าน่ากลัว เพียงอยากให้ทราบว่าบรรพบุรุษเดิมมีขั้นตอนความเป็นมาเป็นไปอย่างไร เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ต้องปฏิเสธกัน มาตรฐานสายพันธุ์ก็มีแล้วจะได้เป็นข้อมูลที่ดีกับนักบรีดมือดีที่มีความสามารถ หรือผู้เลี้ยงจะได้ทราบว่าโครตเง่าจริงๆ เป็นอย่างไร เป็นตำนานที่มีเสน่ห์น่าศึกษา เป็นสมมติฐานในการสร้างขยายผลที่ดีต่อไป ผมต้องขอชื่นชมคุณงามความดีจากบุคคลท่านเก่าๆ หลายท่านที่ร่วมกันพัฒนาสุนัขบางแก้วจากอดีตมาให้เราชื่นชมกันอย่างมีขั้นตอน มีที่มาที่ไป

เดิมทีนั้น บางแก้วมีชื่อเสียงอยู่ในวงแคบๆ รู้จักกันภายในเท่านั้น มีการลงบทความต่างๆ เกี่ยวกับบางแก้วโดย คุณวิทยา หาญไพบูลย์ (ขออนุญาตกล่าวนาม) เป็นผู้บุกเบิกในด้านการเขียนประชาสัมพันธุ์ผ่านหนังสือสวนจตุจักร และตรงนี้เอง คุณทวนชัย อัคนิบุตร ได้เล็งเห็นคุณค่าของบางแก้ว ได้ประสานติดต่อลงทุนเงินทองค่ายานพาหนะ เดินทางส่งมาให้ลุงเทือง คงเจริญ (ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้ว ตำบลชุมแสง) นำสุนัขบางแก้วสู่กรุงมาเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2532 อันนี้ก็ขอขอบพระคุณคุณทวนชัย เป็นอย่างสูงแทนผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วแทนชาวพิษณุโลกด้วย จนปัจจุบันก็ยังได้รับการสนับสนุนหลายๆ ด้านเสมอมา หลังจากนั้นประมาณปี 2533 คุณกบ บุตรชาย ดร.ทวี บูรณเขตต์ คุณประทุม คงเจริญ อ.ทองอินทร์ สร้อยนาค และอีกหลายท่านได้จัดตั้งชมรมขึ้น โดยมีคุณประทุม คงเจริญ เป็นประธานชมรมมาเมื่อปี พ.ศ. 2534 จำได้ว่าเป็นวันที่ 6 กรกฎาคม 2534 กับวันที่ 3 สิงหาคม 2534 ผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วพิษณุโลกและชมรมเดิมได้เชิญผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เรื่องสุนัขบางแก้วมาร่วมประชุมสัมมนาเพื่อกำหนดทิศทางหามาตรฐานพันธุ์บางแก้วอย่างแท้จริง และได้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 13 สิงหาคม 2534 นายไพบูลย์ สุนทรวิภาค (ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในขณะนั้น) ได้ลงนามเห็นชอบในการประกาศใช้มาตรฐานพันธุ์บางแก้วอย่างเป็นทางการและได้จัดตั้งชมรมใหม่โดยคณะกรรมการจากชมรมเดิมรักษาการต่อไปจนครบวาระ ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2540 ได้มีการประชุมใหญ่ที่สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม พิษณุโลก ปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานพันธุ์เก่าที่ใช้อยู่นานแล้วให้ดีขึ้น รวมทั้งกฏระเบียบต่างๆ ของชมรมให้มีมาตรฐานกระชับและถูกต้อง ปรับแต่งให้เข้ากับสายพันธุ์เฉพาะของสายพันธุ์บางแก้ว โดยยึดถือแนวทางสากล เป็นหลักอีกทางหนึ่งเพื่อปูทางให้บางแก้วเข้าสู่มาตรฐานสายพันธุ์สากลในที่สุด และท้ายสุดที่โรงแรมราพาโลมา ได้สรุปนำข้อมูลที่ได้ร่วมอภิปรายและลงมติเป็นเอกฉันท์ ประกาศใช้เป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2541 และใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน ลงนามโดย นายสัตวแพทย์นิสิต ตั้งตระการพงษ์ และชื่อประธานในขณะนั้น เรื่องราวการจัดตั้งกฏระเบียบมาตรฐานสาบพันธุ์ที่กล่าวมาข้างต้น ผมเองได้ร่วมรับรู้ความเป็นไปโดยตลอด ให้เห็นความเอาจริงเอาจังอย่างเป็นระบบอย่างรัดกุม มีขั้นตอนไม่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง เกิดมีทัศนคติที่ดีว่าสุนัขบางแก้วเกิดมาอย่างบริสุทธิ์ มีเรื่องราวน่าศึกษา น่าบรีด สำหรับนักบรีดเก่งๆ นำความสามารถที่มี นำสุนัขบางแก้วไปต่อยอดสร้างสายพันธุ์ตามที่ปรารถนาของท่านในอนาคตข้างหน้าโดยมีข้อมูลที่ได้มาตรฐานถูกต้องเป็นวัตถุดิบ

อ้างถึงก่อนที่จะประกาศใช้มาตรฐานสายพันธุ์ครั้งสุดท้ายนั้น ท่านอาจารย์นิกร วริรักษ์ (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานชมรม) ได้ประชุมกรรมการบริหารอยู่หลายเดือน โดยได้ทำการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและได้เชิญสมาชิกก็ดี สื่อมวลชนต่างๆ ตัวแทนชมรมทั้งหมดในขณะนั้นเข้าร่วมประชุม และได้นำข้อมูลที่เตรียมไว้รวมทั้งข้อเสนอแนะใหม่ของสมาชิกในที่ประชุมนำมาพิจารณาลงมติกัน โดยสรุปก็คือ มาตรฐานที่เราใช้กันในปัจจุบันและแนวทางการตัดสิน

มาตรฐานก็อาจปรับปรุงบ้างในอีกหลายๆ ปีข้างหน้า เนื่องจากบางแก้วยังไม่นิ่ง 100% ต้องค่อยๆ พัฒนาเป็นขั้นๆ ไป อนาคตจะเติบโตอย่างแข็งแรง มีที่มาที่ไป

กล่าวมาทั้งหมดนี้มีรายละเอียดที่จะขอยกมาคุยให้ทราบสำคัญๆ เรื่องแรก เรื่องการตัดสิน หรือกติกาที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้ สืบผลมาจากการอภิปรายข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จากหลายๆ ท่านและได้ร่วมกันลงมติในการนำมาถือใช้เป็นกฏระเบียบว่าด้วยการตัดสิน

สากลทั่วไปแล้วการตัดสินในข้อใหญ่ๆ ด้วยกันคือ 1. โครงสร้าง 2. ลักษณะประจำพันธุ์ 3. การเคลื่อนไหว 4. สุขภาพอนามัย 5. บุคลิก และอารมณ์

แต่สำหรับบางแก้วแล้วมีการอภิปรายด้วยเหตุผลเพิ่มเติมตามสายพันธุ์เฉพาะของบางแก้วจากหลายๆ ท่านและเห็นชอบลงมติในที่ประชุมสรุปว่า ในข้อที่ 1 จากโครงสร้าง ให้สับเปลี่ยนลงไปเป็นข้อที่ 2 สำหรับลักษณะประจำพันธุ์ซึ่งอยู่ในข้อที่ 2 ให้เลื่อนมาเป็นข้อที่ 1 นอกจากนั้นคงเดิม

เหตุผลจากการอภิปรายโดยรวม สมาชิกและผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว เนื่องจากสุนัขบางแก้วเป็นสุนัขที่พัฒนาพันธุ์มาเองโดยธรรมชาติมาระยะหนึ่ง เราได้นำมาจับคู่พัฒนาพันธุ์มาไม่เกิน 10 ปี (ในขณะนั้น) ยังไม่นิ่งอย่างสุนัขสากลทั่วไป ซึ่งพัฒนาโดยมนุษย์อย่างมีระบบมาหลายชั่วอายุจนลักษณะประจำพันธุ์นิ่งเหมือนกันหมดแล้ว จึงจัดโครงสร้างมาก่อนลักษณะประจำพันธุ์ เฉพาะบางแก้วหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกัน หูยังมีหลายแบบ หางพวงโค้งหลายลักษณะ สีเองก็ยังมีหลากหลาย อันสืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษ จึงจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องออกมาหลายแบบหลายประการ ถ้าคิดจะขึ้นบันไดสามขั้น นำโครงสร้างมาก่อนไม่ประมวลลักษณะเด่นประจำพันธุ์ให้ใกล้เคียงกันก่อนลักษณะประจำพันธุ์ออกทะเลแน่ อันนี้จึงให้เครดิตลักษณะประจำพันธุ์มาก่อนใดอื่น เพื่อให้พัฒนาจุดนี้เหมือนกันเป็นมุมมองอันเดียวกันให้มากที่สุด เมื่อนิ่งดีแล้วค่อยนำมาพิจาณากันอีกครั้ง มีข้อสังเกตุว่าถึงจะเปลี่ยนแปลงความสำคัญก่อนหลังก็ดี ก็ยังคงมีคะแนนเท่ากัน

อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับหางของสุนัขบางแก้ว ท่านสมาชิกใหม่อาจยังไม่เข้าใจได้ยินคำบอกเล่าหรือกรรมการบางนามกล่าวว่าอย่างนั้นดี อย่างนี้แย่ กล่าวถึงวันประชุมเช่นกัน มีกรรมการบริหารของชมรมและเป็นกรรมการตัดสินสุนัขได้กล่าวในที่ประชุมว่า หางที่ดีที่สุดนั้น อย่างไร แบบไหนให้ลงมติกัน ณ ที่นี้เลย จะได้มองและได้เข้าใจเป็นแนวทางเดียวกัน มาตรฐานพันธุ์ที่ระบุไว้ในใบพันธุ์ประวัติ ระบุว่า "โคนหางใหญ่ ขนหางเป็นพวง ปลายโค้งเข้าหาเส้นหลัง" บางท่านได้ให้เหตุผลว่าปลายหางโค้งสูงๆ ตั้งพ้นเส้นหลังมากๆ น่าจะดูดี แต่สุดท้ายก็ได้ข้อยุติว่า ปลายหางโค้งสูงเหมาะสำหรับการพัฒนาพันธุ์ในจุดแก้ของหาง สุนัขตัวที่มีปลายหางโค้งสูง เหมาะกับการผสมพันธุ์ปรับแก้สุนัขที่มีหางไพล่ได้ดี สำหรับหางที่ดีที่สุด ตำแหน่งของปลายหางควรจะชิดเส้นหลังมากที่สุด ตัวกำหนดว่าสุนัขตัวที่ลงประกวดในสนามที่ดีที่สุดคือ ปลายหางอยู่ใกล้เส้นหลังมากที่สุด ซึ่งก็ตรงตามมาตรฐานพันธุ์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในมาตรฐานพันธุ์ อีกทั้งตำแหน่งหางดังกล่าวยากมากหากถ้าวางเลยไป ก็จะเพล่หรือไพล่ไปเลย หางไพล่แค่บกพร่องปานกลาง สำหรับเพล่นิดหน่อยถือว่าอนุโลม จะโค้งขนาดไหนก็ไม่มีเสียหายครับ อย่าให้หางขอด หางม้วน หางขาด หางไม่เป็นพวงก็แล้วกัน เป็นข้อบกพร่องร้ายแรงเลยทีเดียว

เป็นอันสรุปขั้นแรกว่าการตัดสินสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วในหัวข้อใหญ่ๆ จะพิจารณาลำดับก่อนหลังจาก 100 คะแนนดังนี้ (1) ลักษณะประจำพันธุ์ 25 คะแนน (2) โครงสร้าง 25 คะแนน (3) การเคลื่อนไหว 20 คะแนน (4) สุขภาพอนามัย 15 คะแนน (5) บุคลิกภาะและอารมณ์ 15 คะแนน

รายละเอียดแต่ละข้อกรรมการวินิจฉัยโดยหลักการต่อไป"

เป็นบทความของ ร.ท.นิพนธ์ คงเมือง ผู้ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาสุนัขไทยพันธ์บางแก้วมากว่า 10 ปี ท่านได้ให้ข้อคิดและทัศนะต่างๆ ไว้มากมายแก่ผู้เลี้ยงมือใหม่ที่กำลังจะหลงทางไปกับบางแก้วธุรกิจ ซึ่งบทความดังกล่าวนี้ผมได้คัดลอกจากนิตยาสาร "สวนจตุจักร" ฉบับที่ 155 ประจำเดือนกันยายน 2544 ของ ผอ.ทวนชัย อัคนิบุตร หรือ "เล็ก จ.จ." ที่ชาวบางแก้วรู้จักกันดีในฐานะสื่อมวลชนผู้ที่ให้การสนับสนุนสุนัขไทย

ขอขอบพระคุณผู้ให้ข้อมูลข้อมูล

ร.ท.นิพนธ์
  คงเมือง  เจ้าของคอก กัลปพฤกษ์

30/61 ถ.พระลือซอย3
อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000

โทร. 081-6040189