เท่าที่ทราบในอดีตสักปีหรือสองปีที่แล้ว เต๋าเต้ยของแม่กี๋ก็เคยขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ (เข้าไปในกระดานแรกแล้ว Search คำว่า "ขึ้นเครื่อง") ส่วนเจ้ามุ่ย ที่ทำผมหน้าแตกนึกว่าหมายถึง หมามุ่ย แต่ที่ไหนได้ภาษาเหนือแปลว่า ภูเขา ก็เคยพาบางแก้วน้อยจากลพบุรี ไปเชียงใหม่เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นรถไฟชั้นธรรมดา

    รายละเอียดคงต้องสอมถามไปที่การรถไฟน่าจะได้ข้อมุลที่ละเอียดกว่า แต่สำหรับท่านใดที่มีประสบการณ์ช่วยหน่อยครับ

เมื่อก่อนขึ้นของ one 2 go ครับ แต่สายการบินนี้มันไม่ให้บริการแล้วไม่แน่ใจว่าของ นกแอร์จะมีหรือเปล่าเพราะผมเอาเจ้าgundum มันขึ้นมาในเที่ยวบินเดียวกับเราถ้าเป็นของสายการบินไทย ต้องส่งเป็นสินค้าส่งแล้วเราไปรอรับปลายทางถ้าอยากให้ละเอียดต้องสอบถามที่สายการบินไทยเพราะผมเคยสอบถามมานานแล้วครับจำไม่ค่อยได้ส่วนค่าใช้จ่ายผมเสียค่าเอาgundumขึ้นเครื่อง ประมาณ 600 บาท แต่ค่ากรงสุนัขสำหรับขึ้นเครื่องผมซื้อใหญ่และแข็งแรงหน่อย  1,300.- กลัวมันอยู่ไม่สบายครับแต่ลองถามดูว่าใช้กรงธรรมดาได้หรือเปล่าดูก่อนนะครับ (รูปgundum ตอนประมาณเดือนกว่าที่นำขึ้นเครื่องมา)

      เคยมีประสบการณ์ รับสุนัขจากเครื่องบิน เพราะคอก ส่งยอด ซัน และยูนิ ปีใหม่ ทั้ง3 ตัว จากพิษณุโลก ส่วนตัวเคยเดินทางไปพร้อมกับโฮมมี่ โดยเครื่องการบินไทยทั้งสิ้น (เมืองอุบลฯ ตอนนั้นมีการบินไทยกับแอร์เอเชีย) การส่งจากพิษณุโลก เนี่ยเป็นการต่อเครื่อง เขาส่งตั่งแต่เช้า น้องหมาเราก็อดน้ำทั้งวันอะค่ะ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น  ค่าเครื่องคอกคิด 500 บาท ส่วนโฮมมี่เดินทางไปพร้อมกันสะดวกมาก ปีที่แล้วเนี่ยค่าเครื่องบิน กก. ละ 40 บาท  240 บาท ก็เป็นราคาที่ไม่แตกต่าง เพราะลูกสุนัขก็มีขนาดใกล้เคียงกัน  แต่วันนี้อาจจะแพงขึ้น เพราะค่าเครื่องบินขึ้นราคา คล้าย ๆ กับราคาน้ำมัน      

       ถ้าคุณสามารถส่งทางเครื่องบินได้ก็ยิ่งดีมากค่ะ เพราะว่าเป็นห่วงน้องหมาค่ะ เร็ว เย็นสบาย ไม่ทราบว่าหมาของคุณมีอายุเท่าไร เครื่องบินจะรับตั้งแต่อายุ 1 เดือนครึ่งเป็นต้นไป แล้วก็ดูว่าหมาแข็งแรง สามารถที่จะเดินทางได้ ไม่น่าจะเป็นหมาป่วย ถ้าได้รับวัคซีนแล้วก็จะดีมากค่ะ (ตรงนี้เป็นการส่วนตัว เพราะสุนัขของเราจะผจญกับเชื้อโรคระหว่างการเดินทาง)

   กรง ขึ้นอยู่กับขนาดของสุนัข และการใช้เวลาเดินทางเพียงใด เช่น ถ้าคุณไปส่งที่เครื่องบินก่อนเครื่องออกประมาณ 1-1.30 ชม คล้าย ๆ กับเราไปเช็คอินค่ะ ถ้าใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องมีน้ำ มีอาหารก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเดินทางนาน ๆ น่าจะเป็นกรงสำหรับเดินทาง ซึ่งก็มีราคาแพง แต่กรงแข็งแรง และสามารถใส่ขวดน้ำติดกรงไปได้ด้วยค่ะ แต่ว่าถ้ากรงเล็กธรรมดา ๆ  ราคาไม่กี่ร้อย เราก็ใช้ขวดน้ำเปล่าเล็ก ๆ ที่เข้ากับจุกได้ค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหา คำนึงถึงความประหยัดค่ะ (ดิฉันรู้สึกชื่นชมคุณสมศักดิ์ วงษ์ขมทอง ถ้าจำไม่ผิด เป็นคอกทางชลบุรี ที่เคยเห็นการส่งบางแก้วจากสุวรรณภูมิไปอุบลฯ ซึ่งมีน้ำท่า มีกรงที่ได้มาตรฐาน แต่ก็คาดว่าน่าจะแพงนะคะ  ก็อย่างว่าแหละของดีก็น่าจะแพง)  แต่เราประหยัด ดิฉันว่า แค่เดินทางจากดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิไปลงเชียงราย หรือแพร่  แล้วแต่คุณจะเลือกว่าสนามบินปลายทางสะดวกกะคุณแค่ไหน แล้วตเดินทางต่อด้วยรถยนต์

       ถ้าพาไปทางรถยนต์ ถ้าหมาเด็ก ๆ ก็กลัวเค้าอ๊วก เขาเพลีย หรืออาจจะเหมือนลูกเล็ก ๆ ของเรา ท่านลองนึกภาพดูก็ได้ค่ะ เคยอ่านเรื่องของดาราที่เขาเคยพาหมาปลั๊กขึ้นเครื่องไปด้วย แล้วปลั๊กเขาเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง การบินไทยเขาก็ชดใช้ให้นะคะ  แต่บางแก้วของเราแข็งแรงมาก ๆ ต่างกับปลั๊กเยอะ ปลั๊กบางตัวนะยังไม่ขึ้นเครื่อง แค่เข้าไปอยู่ในกรงอุดอู้ก็ตายแล้ว(ทั้งๆ ที่มืออาชีพส่งนะเนี่ย)

        พิจารณาดูค่ะ  หวังว่าจะเกิดประโยชน์กับคุณค่ะ  ขอให้เดินทางปลอดภัย

รถไฟเนี่ยก็เคยเห็นเขาส่งสัตว์เลี้ยง ที่ตู้ส่งของ คิดว่าค่าเดินทางอาจจะไม่แพงเท่าเครื่องบิน  เราก็ลงสถานีใกล้บ้านเหมือนกับเครื่องบิน  ที่ ๆ เราสะดวกค่ะ

เพิ่มเติมค่ะ กรณีที่เราไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับสุนัขของเรา ต้องมีคนไปส่งสนามบิน  แล้วเราเตรียมกันให้ดีว่าจะให้ใครไปรับก็ระบุชื่อของคนนั้นที่ปลายทาง  ส่วนเราจะเดินทางยังไงก็ได้ ไม่มีปัญหา ขอให้เวลาตรงกัน ไม่งั้นไม่มีใครไปรับหมาเรา  เขาก็จะอด เพราะเป็นสิ่งมีชีวิต  เช่นเราเดินทางล่วงหน้า ไปบรรจบเวลาเครื่องลง  สอบถามการเดินทาง และวิธีปฏิบัติได้ค่ะ

   ดิฉันเองหงุดหงิดที่เวลาเดินทางไปสนามบิน ไม่มีแท็กซี่คันไหนรับเรา ต้องให้เพื่อนไปส่ง คิดดูว่าราคาแท็กซี่ กับราคาเครื่อง มันเทียบกันไม่ได้ เขายังให้หมาขึ้นเลย  ก็อย่างว่าแหละ ความเชื่อ..

ต้องวางยาซึมทำไมละ?  อาหารและน้ำ ควรให้บ้างเล็กน้อย ถ้ามากเขาอาจจะอาเจียน ส่วนใหญ่แล้วเดินทางด้วยรถไฟ จะไม่อาเจียนเท่ากับเดินทางโดยรถยต์ ลองเทียงกับคนแล้วกัน ตรงนี้ไม่เคยมีประสบการณ์  ถ้าเราสามารถเลี้ยงเขาอยู่ใกล้ตัวเราได้ โดยไม่เอาไว้ที่ตู้เสินค้าได้รึป่าวละ  แต่เรามีกรงฯ ให้เขาด้วยนะ กรงเล็ก ๆ ราคาประหยัด ๆ หรือตะกร้าดัดแปง แล้วเราต้องคอยเปลี่ยนอึ เปลี่ยนฉีให้  (ถ้ากลัวอาเจียนจริง ๆ ก็ให้ยาแก้อาเจียนได้ ก่อนเดินทางประมาณภายในชั่วโมงครึ่งได้ค่ะ)

    เพื่อไม่ให้อึฉี่ น้องหมาของเรารบกวนผู้โดยสารท่านอื่น ซึ่งแม้เราจะทิ้งอึ ฉี่ใส่ถุงขยะให้เรียบร้อยแล้ว   ขอแนะนำให้ท่านซื้อสเปรย์กำจัดกลิ่นสำหรับที่นอน กรง ยี่ห้อไหนก็ได้ แล้วแต่สะดวก  แล้วท่านยังแจ้งกับรถไฟ ได้ว่าท่านเตรียมตัวเดินทางกับน้องหมาอย่างดี

     เผื่อเขาอาเจียน ท่านควรเตรียมสิ่งของเครื่องใช้เหมือนให้เด็กอ่อนอะค่ะ เตรียมไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะหาไม่ทัน เช่นขวดน้ำ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ถ้าร้อนก็ใช้ชุบน้ำเช็ดตัวให้ได้ กระดาษชำระหนา ๆ ที่ใช้เช็ดอึให้เด็กแล้วทิ้ง ไม่ต้องมีผ้าออ้มอนามัยหรอกค่ะ คิดว่าแค่นี้ก็น่าจะมีความสุขแล้ว ๆๆ อิฉาน้องหมาจะได้ไปอยู่บ้านนอก ..อากาศที่พะเยา คงจะเย็นสบายแน่ ๆๆ..

การจะเดินทาง  ควรให้สุนัขงดอาหารก่อนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงยกเว้นน้ำ   แต่ก็อยู่ที่การให้อาหารมื้อประจำด้วย   ถ้าให้มื้อเย็นเป็นประจำ  จะเดินทางช่วงเช้าก็ควรงดอาหารจนกว่าจะเดินทางถึงปลายทาง  เพราะการเดินทางไม่ควรให้สุนักกินอาหารเลยจะทำให้สุนัขอาเจียนได้   ประสบการณ์จากการเดินทางเพื่อนำสุนัขไปประกวด   ครับ