ผลการค้นหา: 91

หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  (ต่อไป)
โดย น้อยหน่า ('.' ) - Wednesday, 3 November 2004, 05:11PM
 

ตอนที่ 12 คนเลี้ยงอยู่ตัวแล้ว ................

ในช่วงเวลาตลอด 6 เดือนกว่าที่ผ่านเล่นเราเหนื่อยกับเค้ามาก แต่ก็รู้สึกและสัมผัสได้จากแววตาของเค้า เรารู้สึกว่าเค้าคิดว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว เค้ารักเรา 2 คน เค้าสนใจในสิ่งที่เราพยายามสอน สังเกตจากเวลาที่เราทำท่าทางต่างๆเจ้าตัวยุ่งจะเอียงคอหน่อยๆ เหมือนท่าที่คนสงสัย (ประมาณว่านายพูดอะไร กำลังบอกเพื่อสื่ออะไร ช่วงนี้แหละโอกาสที่เราจะสอนเค้า) เค้าจะยอมให้จับทำทุกอย่าง น่ารักจริงๆ แต่เวลาที่เค้ายังไม่พร้อม ไม่มีอารมณ์ที่จะอยากรู้เค้าจะหมอบมองเฉยๆ ไม่ทำสงสัย เราจะฝึกอะไรเค้าไม่ได้เลย ตอนนี้เจ้าตัวยุ่งสวัสดีได้แล้วทำได้ดีมากด้วย แค่คำเดียวกับเจ้าของนะสวัสดีเลย เวลาไม่เจอกันหลายๆชั่วโมง กับคนอื่นไม่ได้เลยแค่สั่งให้นั่งก็เริ่ดแล้วสำหรับเจ้าตัวนี้ อย่าหวังว่าเค้าจะสวัสดีให้ใครเลย 555 (แย่มากเองไอ้ตัวยุ่ง เสียมารยาทรู้มั๊ย อิอิ) เค้าจะนั่งมองลิ้นห้อย มองทำไม่รู้ไม่ชี้สิ่งที่เราสั่งออกไป เราต้องเลิกสั่งทันที ไม่งั้นเดี๋ยวคำสั่งจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ในครั้งต่อไป  .. แววตาเจ้าตัวยุ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่าตอนที่อายุ 4-5 เดือน อารมณ์ดีขึ้น ไม่หงุดหงิดง่าย ... ขนาดเจ้านายนั่งดูทีวีเค้าก็เดินไปคาบตุ๊กตาหรือผ้าในห้องที่เล่นกันประจำมาโยนใส่ตักให้เล่นกับด้วย ถ้ายังไม่เล่นกับเค้าๆก็เอาปากมางับเบาที่ขาหรือที่หน้าตัก ... ปกติเราจะให้เค้าแทะกระดูกหลังอาหารเช้าเย็นทุกครั้ง ถ้าเรายังไม่หยิบมา เค้าจะคาบมาหมอบแทะตรงหน้า .. ช่วง 6 เดือนกว่านี้เค้าพร้อมที่จะทำและจำให้สิ่งที่เราปฏิบัติกับเค้ามาตลอด ทุกครั้งที่กลับบ้านจะเป็นเวลาที่เค้าดีใจสุดๆ กระโดดตัวลอย ชอบล้มตัวให้เกาพุ่งตั้งแต่อายุได้5 เดือนจนถึงทุกวันนี้ ชอบให้กอด ลูบตัว ให้กอด พอหายตื่นเต้นดีใจคราวนี้ละ ปีศาจนีโอกลับเข้าสิงร่างอีกครั้ง จะชวนเล่นวิ่งไล่จับ คาบตุ๊กตาวิ่งให้เราวิ่งไล่เค้า ถ้าเราไม่วิ่งเค้าจะหยุดมอง พอเราก้าวขาเค้าจะออกวิ่งเหมือนกัน แต่ก็มีที่เราไม่ตามเค้าจะดูว่าเค้าทำอย่างงัย เค้าจะหยุดมอง เอียงคอมองอย่างสงสัยว่าทำไมเจ้านายไม่วิ่งตามเค้า แล้วก็จะเดินคอตกกลับมาที่เรา มาเอาจมูกดันๆ ขาบ้างมือบ้าง แต่พอเราเล่นด้วย โอ๊ยคึกซะลิ้นห้อยเลย นี่ละมั้งเวลาที่เค้ารอมาทั้งวันแล้ว นั่งรอ-หมอบรอทีหน้าประตูอย่างใจจดจ่อ ได้ยินเสียงรถก็วิ่งมาดู พร้อมกระดิกหาง พอเราส่งเสียงทักตั้งแต่ยังไม่ก้าวลงจากรถ เค้าส่งเสียงครางด้วยความคิดถึง ยื่นขาไข้วคว้ากลัวว่าเราจะไปไหนอีก
 

เวลาที่ไม่เหมาะสำหรับเจ้าตัวยุ่งของเราก็คือ เวลาที่เค้าหมอบพัก(แบบอยากอยู่เฉยๆ) เวลาที่เค้านั่งรออาหารจากนาย เค้าจะแสดงออกทางตาทุกครั้งที่เราจะพยายามฝึกเค้าในเวลานั้น เค้าจะไม่ยอมจะงับมือเราทันที(แต่ไม่ได้กัดนะรายคนในเว็บบอร์ด มักจะเข้าใจผิดว่าเค้ากัดเจ้าของ) ส่วนเรื่องความซน ที่ทำให้ของเสียหายไม่ค่อยแล้วน้อยลงมากๆๆ อันไหนที่เราห้ามๆ เค้าจะจำได้แล้วเค้าก็จะไม่ทำอีก บางครั้งการที่เราเอาแต่ห้ามเค้าซึ่งเค้าอยากรู้เป็นวัยที่อยากรู้ มันเหมือนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุน่ะ พอเราปล่อยให้เค้ารู้จักสิ่งนั้นแล้ว โดยเราดูอยู่ด้วย สอนเค้าพูดบอกเค้า พอเค้ารู้จักเค้าก็จะไม่สนมันอีก ... อย่างเรื่องขุดดิน เค้าว่าบางแก้วชอบขุด เราปล่อยให้เค้าขุดซะให้สะใจ ให้หายอยากไปเลย เล่นตามสบาย อยากเล่นใช่ม่ะ (เห็นเค้าเล่นเราก็มีความสุข มันชั่งเป็นเวลาที่เค้ามาความสุขจริงที่เค้าเล่นขุดดินตอนนั้น ปัจจุบันอาการเจ้าตัวยุ่งกับการขุดดินมีน้อยมาก อาทิตย์หรือ2อาทิตย์จะเห็นสักที) เค้าเห็นเราไม่ดุ ไม่ว่า แต่ก็มีข้อตกลงว่า เจ้าต้องให้นายจับอาบน้ำ ... (เรารู้ว่าเค้าไม่รู้เรื่องหรอก แต่เราก็พูดไป) ถึงเวลาเค้าก็ยอมให้เราจับอาบน้ำแต่โดยดี ทุกวันนี้เค้าไม่ค่อยขุดดินแล้ว ทุกวันนี้ฝนตกดินแฉะ เป็นแต่ก่อนเจ้าตัวยุ่งเค้าจะเอาตัวไปเกลือกกลิ้งแล้ว ... เดี๋ยวนี้แค่เดินผ่าน หรือไม่ก็เอาขาไปแหย่ ๆ (คงเบื่อแล้วมั่ง) ....

ช่วงนี้อาการเค้าดูเหมือนจะติดหญิง เมื่อ 5 วันก่อน เราโทรไปปรึกษาหมอเรื่องเจ้าตัวยุ่งไม่กินข้าว หมอสันนิฐานว่าเค้าอาจจะเครียด เค้ากำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เริ่มเป็นหนุ่ม มีโฮโมนในร่างกายที่เปลี่ยนไป เค้ากำลังเป็นฮีท (หมอว่านะ) เราตกใจถามหมอว่า อายุแค่ 6 เดือนกว่าจะเจ็ดเดือนเนี่ยน่ะเป็นสัดแล้ว หมอว่าเป็นได้ครับ ในสังเกตเวลาที่มีหมาตัวเมียเดินผ่านหน้าบ้านให้ดูว่าเค้ามีอาการอย่างงัย วันนี้เราก็นั่งมองเจ้าตัวยุ่ง ได้เวลาเจ้าพุดเดิ้ลตัวเมียออกมาเดินเล่น(ไม่มีเจ้านายจูงน่ะ มาเดียวๆ เธอเปรี้ยวมาก ส่ายก้นไปมา ยั่วเจ้าตัวยุ่ง ให้น้ำลายไหลเล่น) เจ้าตัวยุ่งเค้าก็ไม่เห่า ไม่ขู่ แต่เอาแต่เดินตามเค้า(ในรั้วบ้าน) เค้าเดินไปซ้ายไอ้ตัวยุ่งก็ซ้ายตาม ไปขวาก็ขวาตาม เอาแต่ยืนเกาะขอบรั้วมองพุดเดิ้ลตัวนั้น (เจ้าชู้จิงวุ๊ย) มันมองพุดเดิ้ลตัวนั้นชนิดที่ว่าไม่สนใจนายเลย ปกติเค้าจะมาขวางตรงประตูก่อนเราจะออกมาจากบ้านทุกวัน เช้านี้เค้าไม่สนเลย เอาแต่ยืนเกาะมองพุดเดิ้ล ........ เฮ้ย.. อายุแค่เนี่ยเองจะวาดลวดลายแล้วเหรอลูกชายฉัน

มีเพื่อนเราคนหนึ่งได้เข้ามาเขียนให้กำลังใจว่า "ดีใจด้วยครับที่จะผ่านช่วงเวลาที่หนักมาก สำหรับการเลี้ยงสุนัขบางแก้วไปแล้ว ที่ผ่านมาคง หัวเราะ โกรธ ร้องไห้ ชอบ เสียใจ แลบลิ้น การปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ กับครอบครัวที่อบอุ่นย่อมส่งผลไปถึงสุขภาพใจของสุนัขบางแก้วยามเป็นผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว(ฝูง) จะเป็นสิ่งที่ฝึก (Training) เค้าโดยไม่รู้ตัว เป็นไปโดยธรรมชาติ และเค้าก็รู้ได้ว่าทั้งฝูงรักเค้ามาก และต้องการเค้าให้ดำรงอยู่กับฝูง

การตอบแทนของเจ้าตัวยุ่ง ดูได้ง่ายในแววตา(แต่อธิบายให้ใครฟังได้ยาก) มีรอยยิ้ม แววตาหัวเราะ แววตาของความภักดี แววตาการเอาจริงเอาจังในการทำหน้าที่ ตาที่คอยจ้องมองดูลูกพี่ยามนอนท่าสิงห์(บางแก้ว) ฯลฯ มีให้เห็นอย่างชัดเจนในสุนัขพันธุ์นี้และพันธุ์ไทยทั้งหมดของเรา

เวลาเบื่อ เหนื่อย หรือเหงา ถ้าได้คิดย้อนกลับไปถึงการเลี้ยงเจ้าตัวยุ่งในข่วงเวลานี้ คิดขึ้นมาที่ไรจะอดหัวเราะไม่ได้ ยิ่งมีบางสิ่งที่เค้าฝากรอยประทับใจไว้ที่สิ่งของของเรา (รอยกัดแทะหรือรอยเขี้ยว) หรือแม้แต่บนตัวเรา ตอนนั้นอาจจะโกรธ โมโห เสียใจ ไม่เข้าใจในสิ่งที่เค้าทำแต่เมื่อเวลาผ่านไป........เลาย่อมทำให้สิ่งของชิ้นนั้นมีค่าที่สุด เป็นตำนานที่มีชีวิต คิดขึ้นมาก็เจอเค้า ภาพแห่งความทรงจำที่จะทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเค้า(ทั้งสุขและทุกข์) ตลอดไป"

เรากับเจ้านายอ่านข้อความนี้แล้วดีใจมาก ดีใจที่ยังมีคนมาให้กำลังใจกับคนเลี้ยงคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องการเลี้ยงหมาเลย ... ตลอดเวลาที่เราเลี้ยงเค้าผ่านมาจะครบ 7 เดือน บางช่วงเวลาเรามีอารมณ์ที่หลากหลายจริงๆ ( หัวเราะ โกรธ ร้องไห้ ชอบ เสียใจ แลบลิ้น ) ไม่เข้าใจ ถามกับตัวเองก็บ่อย แต่พอเราเข้าใจเค้า รู้จักหมาตัวเองแล้ว ทุกอย่างก็เข้าที่เป็นระบบตามที่เรากำหนด หมาไม่เครียด คนก็ไม่เครียด จะรู้เวลาว่าเวลาไหนต้องทำอะไรกับเค้าบ้าง เหมือนการจัดตาราง แต่ไม่ตายตัวหรือระเบียบจัด หมาพันธุ์นี้บังคับมากไม่ได้ มีหย่อนบ้าง แต่ต้องไม่ละเลย -- แต่กว่าคนเลี้ยงมือใหม่อย่างเราจะอยู่ตัว เจ้าตัวยุ่งเล่นเราเหนื่อยเหมือนกันนะ -- มาถึงวันนี้(ปัจจุบัน) เราเข้าใจแล้วกับคำว่า ถ้าได้เลี้ยงหมาตัวที่ 1 ต้องอยากหาตัวที่ 2-3-4 มาเลี้ยง แต่ตอนนี้เราคงพักและอยากเรียนรู้เจ้าตัวยุ่งไปอีกพักใหญ่ๆก่อน



โดย I love Bangkaew - Wednesday, 3 November 2004, 01:16PM
 

ป้าวิค่ะ หลานๆในพันทิปชื่ออะไรค่ะ น้องต๋าวจะได้ช่วยประสานงานได้ถูก (ไม่ได้ไปงานโบว์ลิงเลยไม่รู้เรื่องบอร์ดอ่ะค่ะ)ใช่คุณเทอร์,พี่นอร่า หรือ คุณnongหรือเปล่าค่ะ(จะได้ไม่ต้องไปตามที่คุณนาซ้ำค่ะ)

หลักๆตอนนี้น้องต๋าวจะขอขอมูลที่เพื่อนๆไม่เข้าใจ หรือ อัพเดตข้อมูลเอกสาร ที่เกี่ยวกับแบบสนับสนุนร่าง พรบ แจ้งเพื่อนๆในห้องจตุจักร(พันทิป)ค่ะ

คิดว่าได้ข้อมูลแล้วจะอีเมล์ให้เพื่อนๆพี่ๆในห้องนี้เอามาประสานงานแจ้งในเวปบอร์ดด้วย ดังนั้นถ้าป้าวิสะดวก หรือ เป็นท่านอื่นที่จะประสานงานช่วยส่งอีเมล์ไปให้น้องต๋าวน่ะค่ะ หรือถ้าทางนี้ได้update infoมาแจ้งน้องต๋าวได้ที่นี่ค่ะ kattiya@thaiwah.com

ปล น้องต๋าวไม่ได้เป็นคนของสมาคมค่ะ แต่มาช่วยเรื่องร่างพรบ เพราะอยากช่วยเหลือหมาๆแมวๆ ค่ะ


โดย หมาบางแก้ว return - Thursday, 28 October 2004, 10:20AM
 

เรื่องขนและโรคผิวหนัง  ค่อนข้างเป็นปัญหากับสุนัขพันธุ์นี้ครับสหายนายน้อย...  คือว่าการตรวจสุขภาพประจำวันก็คงต้องหมั่นสังเกตุให้ดี  และข้อสำคัญก็คือต้องคอยดูขนและผิวหนังให้เค้าตอนอาบน้ำ(ตรวจครั้งใหญ่ประมาณทุก ๆ 2 อาทิตย์)หัวเราะ  การผลัดขนก็มีเป็นประจำทุกปี  โดยมากก็จะเป็นขนชั้นใน  ดั่งที่สหายนายน้อย...เข้าใจ  ถ้าขนนอกมีการร่วงมาก ๆ ก็ต้องพาไปพบคุณหมอแล้วล่ะครับ  เพื่อค้นหาสาเหตุต่อไป

ช่างคิด ตัวผู้  ตัวเมีย  ฯลฯ  ลักษณะของการมีขนของเค้าก็ไม่เหมือนกันครับนายน้อย  มีรายละเอียดแตกต่างกันไปในสุนัขแต่ละตัว  หรือาจจะขึ้นอยู่แต่ละสาย ๆ ของพวกเค้าแบ่งแยกกันไป   เสียดายถ้ามีฟาร์มสมมติ(ที่เคยเขียนไว้ในกระทู้เก่า ๆ )  ฟาร์มนี้  ก็น่าจะมีการเก็บรวมรวมข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ได้  ช่วงระยะเวลาการผลัดขนของแต่ละตัวขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไร  เป็นฤดูกาลมั้ย  หรือขึ้นกับลักษณะสายพันธุ์  หรือระดับของฮอร์โมน ฯลฯ  ทั้งหมดน่าจะหาคำตอบกันได้มั้งครับสหายนายน้อย...

คนที่เป็นโรคภูมิแพ้  ก็ควรต้องระมัดระวังกันพอสมควรก่อนที่จะเลี้ยงสุนัขบางแก้ว  ตรวจสอบกับคุณหมอให้แน่ใจเสียก่อน  ไม่งั้นจะลำบากกับผู้เลี้ยงเองครับ

วันหยุดยาว  เจ้าตัวยุ่งกลับมาขณะที่นางสาวตัวดีเป็นสัดพอดี  หัวเราะบ้านแทบพังครับสหายนายน้อย...  สุนัขตัวผู้ทุกตัวถูกเชิญให้นอนตากยุงกันหมดเสียใจร้องไห้  เจ้าตัวยุ่งถึงจะมีความต้องการทางธรรมชาติ  แต่ก็มีความประพฤติที่อยู่ในขั้นยอดเยี่ยมกับลูกพี่ทุก ๆคน  เปิดประตูออกมาดู  จะนั่งยิ้มหวานคอย  "ลูกพี่ครับ  ขอเข้าไปพบสาวเจ้าติ๊ดหนึ่งซิ"  นั่นคือแววตาที่วิงวอนต่อพวกข้า ฯเสียใจ

แล้วกันน่ะ  ไว้ปีหน้าค่อยมาคิดกันอีกทีดีฟ่าเจ้าตัวยุ่ง

ที่เล่ามาก็ต้องการบอกกับสหายนายน้อย...จ้ะ   สุนัขบางแก้วอารมณ์ดีนั้น  ไม่ได้ดุร้ายกับเจ้าของเลย  แม้ในช่วงเวลาที่สำคัญของพวกเค้าก็เต็มไปด้วยการมีอารมณ์ดี  วิงวอนต่อลูกพี่  ข้า ฯ คุยกับเจ้า 2 ตัวนี้ตลอด  รวมทั้งเจ้าด่างและเจ้าโป้ด้วยล่ะ   เจ้าด่างเค้าจะตลกมาก  เล่นลูกล่อลูกชนกับข้า ฯ ตลอด  หัวเราะ สุนัขไทยหลังอานเผลอให้มันไม่ได้  มันบรรพบุรุษเก่ง  นางสาวตัวดีพลาดไปล่ะก็  ที่บ้านข้า ฯ บ่นแงซายจมหูแน่ ๆ   ยังไง ๆ เดือดร้อนสหายท่านอย่างแน่นอนจ้า  ตั้งชื่อก่อนส่ง DHL ให้สหายนายน้อยว่าเจ้าบุญทิ้ง(ลูกสุนัขของเจ้าด่าง)ดีมั้ย555555  ล้อเล่นหรอกน่ะท่านสหายของข้า ฯยินดี   วันเวลาของการแก้ปัญหาให้กับสุนัขตัวน้อยของที่บ้านทั้งหมด  ก็ได้ผ่านไปด้วยดีอีกหนึ่งครั้ง   เจ้านู๋ด่างและนายนู๋โป้ก็ได้กลับมานอนในที่เดิม ๆ ของเค้าแล้วน่ะสหายนายน้อย...   บิดาของข้า ฯ ก็ทำไม้กั้นให้พวกเค้ากันใหม่  หนาและหนักกว่าเก่า  เจ้าด่างตอนนี้เอาตีนก่ายหน้าผากอยู่เหมือนกัน  ไม่รู้จะเขี่ยประตูเพื่อตัวเองได้ออกมาอย่างไรแลบลิ้น  เมินเสียเถอะเจ้าด่างเอ๋ย....ขอหอมหน่อย

กลับมานอนเล่นที่ม้านั่งยาว  นอนเอกเขนกอยู่   เอ!กลิ่นอะไรอยู่ที่หมอนหนุนว้า   หัวเราะ นึกขึ้นมาได้  ต้องมองตาเขียวไปที่นางสาวตัวดีเลย  กลิ่นตัวเจ้านี่เอง55555  วางจนถึงหมอนเลยน่ะ(โว้ย)  มันน่าจับถอนขนย่างกินเสียให้เข็ดโกรธ  เตียงนอนเล่นของข้า ฯ น้าเป็นที่ทำกิจกรรมของเจ้า 2 ตัวนี้ตลอดเลย   เค้าไม่สบายก็จะมาอาเจียนไว้ที่เตียงข้า ฯ  ซุกของกินก็บนเตียงนี้  บางครั้งที่ใต้เตียงก็เจอหมูยอดำ ๆ    ขอบคุณ จ้าเจ้าตัวดีทั้งสอง อร่อย อร่อยจัง(ตังค์อยู่ครบ)จริง ๆ  ว่าง ๆ จะแบ่งให้ชิมน่ะสหายท่าน  สนใจติดต่อ 1122 ได้จ้ะ  แล้วจะฝากส่งไปให้เห็นด้วย

ขอต่ออีดนิดหนึ่งน่ะ

เศร้านางสาวตัวดี  เดือนที่ผ่านมามันขี้โกงผู้อาวุโสอีกแล้ว  อยู่กันหนึ่งคนกับหนึ่งตัวในวันที่เงียบเหงา  ผู้อาวุโสออกไปทานข้าวนอกบ้านแล้วทิ้งนางสาวตัวดีไว้ตัวเดียวในบ้าน  ไม่รู้เค้ากลัวอะไรกระโจนข้ามรั้วขึ้นถึงบนบ้านที่ไม่มีใครอยู่   นางสาวตัวดีเลยทำตัวเป็นนักสำรวจ(Explorer)  ห้องสำคัญที่สุดของเค้าคือห้องของพี่ชายและพี่สะใภ้ของข้า ฯ(คนที่เป็นเจ้าของนางสาวตัวดีอย่างแท้จริง)  รู้มั้ยนางสาวตัวดีเค้าทำอย่างไรบนเตียงนอน  เค้าทิ้งอนุสรณ์  ฝากแอบเอาไว้ให้มารร้าย  ไม่มีใครรู้  พอดีทั้งคู่กลับจากต่างจังหวัดและจะมานอนคืนนั้น   หัวเราะคู่กรณีของนางสาวตัวดีเจอเข้าให้(พี่สะใภ้)  ทุกคนนิ่งกันทั้งบ้าน(รวมผู้อาวุโสด้วย)  ง่วงถ้าสนใจมีตอนต่อไปน่ะสหายนายน้อย...5555  แล้วนางเอกประจำบ้านจะเป็นอย่างไร ?  ขอให้ติดตามตอนต่อไป.


โดย Bo (oYo) - Thursday, 7 October 2004, 02:13PM
  สภากทม. รับร่างข้อบัญญัติสุนัข จี้ตีทะเบียนพกบัตรประจำตัวหมา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) มีการประชุมสภา กทม. โดยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ได้เสนอญัตติเร่งด่วน เรื่องขอให้พิจารณาเรื่องร่างข้อบัญญัติการควบคุมและการเลี้ยงสุนัข พ.ศ....

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสภา กทม.ได้เห็นชอบในร่างข้อบัญญัติดังกล่าว และได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญแปรญัตติขึ้นมา 1 ชุด จำนวน 17 คน เพื่อพิจารณารายละเอียดของร่างข้อบัญญัติดังกล่าว โดยใช้เวลาในการพิจารณาทั้งสิ้น 15 วัน

สำหรับรายละเอียดที่สำคัญของร่างข้อบัญญัติ จะกำหนดให้ กทม.เป็นเขตควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัข เพื่อกำหนดให้เจ้าของต้องนำสุนัขไปจดทะเบียนและขึ้นทะเบียนที่กองสัตวแพทย์สาธารณะสุขหรือที่ต่างๆ ที่ กทม.กำหนด และต้องนำไปขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน เมื่อตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยเจ้าหน้าที่จะออกบัตรประจำตัวสุนัขมีอายุ 2 ปีให้ ตลอดเวลาการเลี้ยงดูเจ้าของจะต้องดูแลสุนัขอย่างดี ต้องฉีดวัคซีน จัดที่เลี้ยงให้มั่นคงแข็งแรงแก่การดำรงชีวิต มีระบบระบายน้ำ และต้องกำจัดสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ

ส่วนการนำสุนัขออกนอกพื้นที่เลี้ยงจะต้องพกบัตรประจำตัวสุนัขตลอดเวลา รวมทั้งต้องมีเครื่องควบคุมที่แข็งแรงป้องกันไม่ให้สุนัขไปทำร้ายผู้อื่น แต่ในกรณีนำสุนัขควบคุมพิเศษที่มีนิสัยค่อนข้างดุออกไปนอกสถานที่ เช่น พิทบูลเทอเรีย บลูเทอเรีย สเตฟฟอร์ดเชอร์บลูเทอเรีย ร็อตไวเลอร์ และฟิล่าบราซิลเลียโร จะต้องใส่อุปกรณ์ครอบปากและต้องมีสายลากจูงห่างตัวสุนัขไม่เกิน 50 เซนติเมตร ที่สำคัญผู้ควบคุมสุนัขควบคุมพิเศษจะต้องมีอายุมากว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 65 ปี

จาก http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J3053417/J3053417.html

โดย Bo (oYo) - Monday, 20 September 2004, 10:30PM
 

ได้พานพบเว็บไซต์ของสหายเก่าท่านหนึ่ง      ท่านเป็นสุดยอดจอมยุทธ์โรแมนติกนามกระเดื่องในแผ่นดิน   เสียดายที่ยังหาคำคมของโกวเล้งบนเว็บท่านไม่เจอ   แต่ก็ได้ชีวประวัติของโกวเล้งมาเล่าสู่กันฟัง

.......โก้วเล้งมีชื่อจริงว่า สงย่าวฮวา(ฮิ้มเอี้ยวฮัว) เกิดในฮ่องกง เติบโตในไต้หวัน ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนตั้งแต่วัยรุ่น เคยผ่านช่วงชีวิตตกต่ำจนถึงขีดสุด เคยผ่านห้วงวิกฤตระหว่างความเป็นความตาย ผ่านความรัก ความแค้น ความเหงามาสารพัด โก้วเล้งเริ่มเขียนนิยายกำลังภายในเมื่ออายุ 18 -19 ปี เรื่องแรกคือ "เทพกระบี่โพยม" (ชังชงเสินเจี้ยน) แต่คงวนเวียนอยู่ในแนวทางเก่าๆ
โก้วเล้งเคยกล่าวว่า "....จนถึงเรื่อง "ราชายุทธจักร"(อู่หลินไว่เส่อ) วิธีการเขียนของข้าพเจ้าจึงค่อยๆเปลี่ยนไป ค่อยๆห่างออกจากแบบอย่างของผู้อื่นทีละน้อย หลังจากนั้นก็เริ่มเขียนนิยายของตนเอง
เจวี่ยไต้ซวงเซียว(เซี่ยวฮื่อยี้),จอมกระบี่มากน้ำใจ,กระบี่ไร้น้ำใจของลี้น้อย,มีดบินในฤทธ์มีดสั้น,เรื่องเล็กเซียวหง,อาวุธเจ็ดอย่างในอาวุธของโก้วเล้ง,เซียวจับอิดนึ้ง,เพชฌฆาตดาวตก และจอมดาบหิมะแดง
จากนั้นคำว่า "นิยายแบบโก้วเล้ง", "สำนวนแบบโก้วเล้ง", "บทสนทนาแบบโก้วเล้ง" ซึ่งมักแฝงด้วยสำเนียงเยาะเย้ยอยู่สามส่วนยามเอ่ยจากปากของผู้อื่น จึงค่อยๆก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้น (จากเดียวดายใต้เงาจันทร์ โก้วเล้งรำพัน)
ผลงานของโก้วเล้งที่เป็นที่รู้จักได้แก่ ฤทธ์มีดสั้น,ดาบจอมภพ,จอมดาบหิมะแดง,เซียวจับอิดนึ้ง,จอมโจรจอมใจ,เล็กเซียวหง เป็นต้น แม้ว่าผู้อ่านบางคนจะไม่รู้หรือจำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่ก็สามารถจดจำชื่อตัวละครได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความสามารถของโก้วเล้งในการสร้างบุคลิกภาพของตัวละครได้หนักแน่นและใกล้ชิดกับจิตวิญญาณของผู้คน ตัวละครอย่าง ชอลิ้วเฮียง,ลี้กิมฮวง,เอี๊ยบไค,อาฮุย ต่างพากันโลดแล่นในจินตนาการของผู้อ่าน บ้างก็เติบโตมาพร้อมกันในโลกจินตนาการ
แม้ว่าโก้วเล้งจะออกตัวว่า แรงดลใจที่ทำให้เขาเขียนนิยายยุทธจักร ไม่ใช่หลักการเลิศหรูประการใด "เพียงแต่ต้องการหาเงินกินข้าวเท่านั้น" แต่โก้วเล้งก็เห็นว่า
".....นิยายกำลังภายในก็เป็นรูปแบบหนึ่งของนวนิยาย ที่มันสามารถดำรงอยู่ในปัจจุบัน แน่นอนว่าย่อมต้องมีคุณค่าในการคงอยู่ของมัน"
โก้วเล้งรู้สึกขื่นขมกับการเป็นนักเขียนนิยายกำลังภายในของตนอยู่ตลอดเวลา เพราะในสายตาของคนส่วนใหญ่ นวนิยายกำลังภายในมิเพียงมิใช่วรรณกรรม กระทั่งไม่อาจนับเป็นนวนิยาย โก้วเล้งกล่าวว่า
"......เขียนนวนิยาย เขียนมา 20 ปีแล้ว นวนิยายที่เขียนเป็นเช่นไร?
นวนิยายกำลังภายใน
นวนิยายชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่นวนิยาย ในสายตาผู้อื่น........"
โก้วเล้งให้ความหวังกับนักเขียนรุ่นใหม่ว่า
".....ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา ย่อมจะสูงกว่าข้าพเจ้าอย่างแน่นอน สูงกว่าสามหมื่นหกพันแปดสิบเท่า
.......ขอเพียงพวกเขาสามารถจดจำถ้อยคำหนึ่งไว้ได้
เป้าหมายสูงสุดของการเขียนหนังสือคือ การสร้างสรรค์จากการเปลี่ยนแปลง"........

จาก 4. ยุทธจักรนิยายกำลังภายใน กับ จอมยุทธ์ยุคโลกานุวัตร

http://www.suvinai-dragon.com/dance_yuttajak.html


โดย เพื่อน . - Thursday, 16 September 2004, 12:23AM
  สังเกตุง่ายๆก็ได้ครับ ขอให้เป็นสัดครั้งที่สอง เป็นอย่างน้อยครับ การที่ต้องผสมเมื่อสุนัขโตเต็มวัยก็เพราะ ถ้าผสมเร็วๆละก็จะมีผลเสียกับตัวแม่สุนัข คือเขาจะหยุดการเจริญเติบโต เพราะเขาจะดึงแคลเซี่ยมในร่างกายเพื่อไปสร้างโครงกระดูกให้ลูก และแม่สุนัขจะโทรมมากๆๆๆๆ

โดย Ng-Bangkaew คอกเนาวรัตน์ - Thursday, 9 September 2004, 08:09PM
 

เคยเห็นค่ะบางแก้วสายเก่า ๆ สีเป็นสีล้วนก้อมี ที่ดัง ๆ ก็จะมีเจ้านรสิงห์รึเปล่าไม่แน่ใจนะ เท่าที่เคยเห็นมา เขาก็ออกมาโชว์ตัวบ่อย ๆ สมัยเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วเห็นจะได้ ตั้งแต่สมาคมบางแก้วที่พิษณุโลกยังบริหารงานโดยคุณอุ้ย อยู่เลยค่ะ เค๊าเป็นบางแก้วสีดำล้วน ๆ แต่สีน้ำตาลอย่างนี้ก็มี ที่คอกเคยมีแต่เดี๋ยวนี้ตายไปแล้วค่ะเพราะอายุมากแล้ว ถ้าอยู่ก็เกือบ 20 ปี เห็นจะได้เลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยนิยม เลยไม่ค่อยได้เห็นกันไงค๊ะ

(ถ้าข้อมูลผิดของสุนัขผิดอย่างไรก็ให้เพื่อน ๆ คนรักบางแก้วช่วยเสริมให้สมบูรณ์ด้วยนะค่ะ)


โดย วิวัฒน์ ศรสุวรรณรังสี - Thursday, 2 September 2004, 11:08PM
 

เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้  ผู้เขียนพูดถึงหมาไทยครับ

แต่ไม่ได้พูดถึงบางแก้ว ( เข้าใจว่าตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก  เนื่องจากเรื่องนี้เขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2514 )  สำหรับผู้ที่สนใจเชิญติดตามได้ครับ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

คุณ ๆ ผู้อ่านครับ

ผมเขียนเรื่องหมามาก็มากมายหลายเรื่องแล้ว ล้วนแต่เป็นหมาฝรั่งทั้งสิ้น ยังไม่ได้เอ่ยเรื่องหมาไทยเลย จะเอ่ยยังไงล่ะครับ ตำราไม่มีจะให้ค้นนี่ครับ แต่เพื่อให้เรื่อง ‘ หมา-เพื่อนแท้ของมนุษย์ ’ นอกจากอ่านเล่น ๆ แล้ว ยังจะเป็นประโยชน์แก่คนรักหมาทั้งหลาย ผมจึงได้ไปติดต่อขอความกรุณาจากคุณหลวงปริพจน์พจนพิสุทธิ์ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับหมาไทยมากที่สุดในเมืองไทยให้ท่านกรุณาเขียนเรื่องหมาไทยและท่านก็ได้กรุณาเขียนมาแล้วดังต่อไปนี้ ...

หมาไทย

หมาไทยในที่นี้ข้าพเจ้าหมายถึงหมาไทยแท้ ๆ ไม่มีเลือดต่างประเทศปน จะเห็นได้ในต่างจังหวัด เฉพาะอย่างยิ่งตามบ้านนอกตามไร่ตามนา ซึ่งไม่มีหมาต่างประเทศเข้าไปปะปน ตามทางรถไฟที่ออกสู่ภาคต่าง ๆ จะเห็นเช่นเดียวกัน หมาพวกนี้คอยหาเศษอาหารที่ผู้โดยสารโยนทิ้ง ตามตลาดสด ต่างจังหวัดก็เช่นเดียวกัน มีตลอดทุกภาคของประเทศไทย ขอยกเว้นหมาชาวเขาซึ่งเรียกกันว่า ‘ หมาแม้ว ’ ซึ่งผิดกับหมาไทย หมาไทยเหล่านี้ หูตั้งตรงทั้งนั้น หูตกนาน ๆ จะเห็นครั้งหนึ่ง จึงควรถือว่าหูตั้งเป็นมาตรฐานตามส่วนมาก

หางหมาไทยมีหลายอย่างต่าง ๆ กัน ไม่เป็นแบบเดียวกัน เช่น งอม้วนเป็นขนมกงวงเดียวบ้าง หลายวงบ้าง ไพล่บนหลังก็มี, งอเหมือนตัวยูในภาษาอังกฤษเหนือหลังก็มี บางตัวหางชี้ไปบนฟ้า บางตัวทอดไปทางหลังเหมือนดาบตั้งสู้ หางทอดไปทางหลังนี้จัดว่า งาม เพราะทำให้แลเห็นลำตัวหมายาวและเป็นสง่าขึ้น หมาไทยหางตกเหมือนหมาเลี้ยงแกะเยอรมัน ( แอลเซเชี่ยน ) นั้น ไม่มี ถ้าหมาอยู่ในลักษณะหางตกเช่นนี้แปลว่าหมามีความกลัวหรือตกใจ หมาต่างประเทศบางชนิด วางมาตรฐานให้ตัดหางสั้นบ้าง ยาวบ้าง ตามแต่ลักษณะและประเภทของหมา เพื่อให้เป็นแบบเดียวกันและมิให้เกะกะ ในประเทศไทยไม่นิยมตัดหางหมา ชอบปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติของหางหมามีต่าง ๆ กันมาก ดังนั้น จึงต้องพยายามเลือกชนิดที่เห็นกันว่าสวยงาม ซึ่งพอจะจัดหากันได้ โดยเลือกคัดผสมพันธุ์

ความสูงของหมาไทยไม่มีมาตรฐานใดกำหนดไว้ ความสูงนี้ตามแบบของสากล วัดจากขาหน้าตรงเป็นเส้นบรรทัด เป็นมุมฉาก จากพื้นดินขึ้นมาจนจรดกระดูกสันหลัง ไม่ใช่ขนบนเส้นหลัง หมาไทยตัวผู้อย่างสูงควรอยู่ใน 55 ซ.ม. ตัวเมียอย่างเล็กควรจะต่ำกว่าตัวผู้ในราว 5 ซ.ม. ตัวผู้ตัวเมียขนาดนี้นับว่าขนาดใหญ่พอสมควรแล้ว ถ้าตัวผู้สูง 55 ซ.ม. น้ำหนักจะตกประมาณ 23 ก.ก. ตัวเมียสูง 50 ซ.ม. ประมาณ 19 ก.ก. หมาไทยตัวผู้ที่สูงกว่านี้ก็มีบ้างแต่หาได้ยาก แต่โดยมากหมาไทยทั้งผู้และเมียมีความสูงต่ำกว่านี้เสียเป็นอันมาก อย่างต่ำตัวผู้ควรสูงสัก 50 ซ.ม. และตัวเมีย 45 ซ.ม. ต่ำกว่านี้จะเป็นหมาเล็กไป ความสูงนี้ควรจะให้ได้ส่วนกับความยาวของหมา ความยาวจากขาหน้าถึงขาหลังควรจะไล่เลี่ยกับส่วนสูง หากความยาวมากเกินไปจะทำให้แลเห็นเป็นหมาเตี้ยทำนองหมาแดกฮุ้น ( หมาไส้กรอก ) ของเยอรมัน

ลำตัวหมาที่อกควรจะอวบ ๆ ไม่แบนแบบหมาผอม ๆ หรือแบบหมาเกรเฮาว์ที่ใช้ไล่กระต่าย ที่ท้องไม่ควรให้กิ่ว แต่ต้องสูงกว่าอกเล็กน้อย ถ้าท้องกิ่วแลไม่สวย

ส่วนหัวรวมทั้งกะโหลกและใบหน้านั้นเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ปากหมาไทยควรจะทู่ ๆ กะโหลกหัวควรจะได้ส่วนกับปาก คือไม่โตจนเกินไป หน้าระหว่างคิ้วไม่ควรจะหักมากนัก ฟันบนฟันล่างควรจะขบกันพอดี เรียบ ขาวสะอาด สีนัยน์ตาควรจะเป็นสีดำ หรือน้ำตาลแก่ ตาสีเหลืองอ่อนไม่ดีเพราะแสดงถึงความอ่อนแอในร่างกายบางอย่าง

สีหมาไทยควรจะเป็นสีล้วน ๆ แต่บางสีหาสีล้วน ๆ หายาก มักจะมีสีขาวแซมที่คอและอก ถ้าไม่มากนักก็จะนับว่าใช้ได้ ถ้ามีด่างที่หน้า เท้า และหาง ไม่น่าจะนับว่าสวย ที่ชาวบ้านชอบกันเพราะคำบรรยายเข้ากันดีคือ “ หน้าแด่น เท้าด่าง หางดอก ” มักจะมีแก่หมาสีดำ แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นที่มีด่างเข้าจังหวะเหมือนแต้มอย่างแมวไทยชื่อ วิเชียรมาศ สักตัวหนึ่ง หมาไทยมีสีทุกสี สีแดง สีดำ สีขาว สีเขียว สีนวล สีลายเสือดำหรือแดง สีเผือกสุก สีสวาด หมาไทยมีแต้มสวยที่เคยเห็น คือหมาสีดำสีเท้าเหลือง และมีจุดเหลืองที่หัวตาด้วย ชาวบ้านเรียกกันว่า “ สี่ตา ” หมาสีแดงและสีนวลที่มีปากและหูสีดำเป็นสีที่ตัดกับสีลำตัว แลดูสวยกว่าสีแดงหรือสีนวลล้วน แต่นักเขียนนักพูด บางคนกลับเอาหมาสวย ๆ เหล่านี้ไปเปรียบกับนัก “ กิน ” เมือง เลยเสียชื่อว่าเป็นหมาตะกละไป ถ้าหมารู้เข้าคงจะลุกขึ้นโต้ว่า “ ไม่ยุติธรรม เลี้ยงข้าพเจ้าอิ่ม ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่ตะกละ ”

สีลายเสือแบ่งออกได้เป็นสองอย่าง อย่างหนึ่งสีพื้นทั้งตัว กระเดียดไปทางน้ำตาลแก่ แล้วมีลายพาดกลอน ขวางตามลำตัวอีกสีหนึ่ง สำตัวสีแดงแล้ว มีลายพาดกลอนเป็นสีดำ ทั้งสองสีนี้ถ้าลายพาดกลอนได้จังหวะ และเป็นหมาใหญ่ จะงามมาก

ตัวสีสวาดปลายเท้าสีเหลืองไม่ใคร่จะมี มักจะเกิดจากพ่อสีสวาดกับแม่สีสวาดผสมกัน แต่บางทีลำตัวไม่เป็นสีสวาดแท้ กลายเป็นสีจำปาไป เป็นสีจำปาจาง ๆ สีปลายเท้าจางกว่าลำตัวเล็กน้อย ข้าพเจ้าเคยเห็นสุนัขเลี้ยงแกะเยอรมัน สีสวาดมีปลายเท้าทั้งสี่เป็นสีเหลือง 2-3 ตัว ที่ในกรุงเทพฯ

บรรดาสีหมาทั้งหลายที่กล่าวมานี้ สีสวาดเป็นที่นิยมกันมาแต่ไหนแต่ไร เนื่องจากเป็นสีหายาก นาน ๆ จะพบสักตัวหนึ่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นสุนัขที่ไม่ใคร่ได้ลักษณะ เพราปล่อยให้หมาเลือกคู่กันเองโดยเสรี ตำราหมาเก่า ๆ สีสวาดเป็นมงคล ใครเลี้ยงไว้จะได้ลาภยศสรรเสริญ “ เงินทองไหลมาเทมา ” ทั้งนี้เป็นเพราะเป็นของหายากนั่นเอง หายากยิ่งกว่าแมวสีวาดหลายสิบเท่า สีสวาดเป็นสีที่มีแก่หมาบางประเภทในยุโรปและอเมริกา เป็นสีที่ชอบกันมาก

ความตกอับของหมาไทย

ความดาษดื่นของหมาไทยทำให้หมาไทยตกอับ เพราะหาได้ง่ายแต่ขายไม่ได้คล่อง มีแต่ให้กันเปล่า ยิ่งเป็นตัวเมียแล้ว ให้ผู้ใดผู้นั้นไม่อยากได้ เพราะเกรงจะไปมีลูกเต็มบานหลานเต็มเมือง ตัวเมียเลือกคู่ได้ตามใจอย่างไทยแท้ ไม่มีการคุมกำเนิด หรือชะลอการเกิด จะให้สัตวแพทย์ “ ทำ ” จะสิ้นอีกหรือราว 150 บาท สิ่งใดหาได้ง่ายสิ่งนั้นไม่มีค่า

หมาไทยไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน มาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแบบฉบับกว้าง ๆ ที่คณะกรรมการประกวดหมาไทยครั้งแรกที่สวนดุสิตวางไว้ เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว กรรมการไม่เข้มงวด เพราะหากเข้มงวดนัก เวทีประกวดจะมีแต่กรรมการ ไม่มีหมาเข้าประกวด เท่าที่จำได้ครั้งหนึ่ง ๆ มีอย่างมาก 6-7 ตัว บางทีถ้วยที่ให้ มีราคา “ โต ” กว่าหมาเสียอีก นอกจากคร้งแรกที่สวนดุสิต ซึ่งจอมพล ป.พิบูลสงครามผู้พยายามส่งเสริมของไทย ๆ ให้รางวัลเงินสดถึงสิบชั่ง

ถ้าท่านเลี้ยงหมาไทยมาแต่เล็ก ๆ เอาใจใส่ ให้อาหารมันเอง เล่นกับมัน พูดกับมัน ถ้าจะสอนจะอะไรให้สอนซ้ำ ๆ กันเสมอ ๆ หมาจะค่อย ๆ รู้เอง แล้วมันจะทำตามที่ท่านสอน เพื่อให้ท่านพอใจ ท่านรักหมา หมาจะรักท่าน หมาจะสังเกต กิริยา ท่าทาง เสียง และสายตาของท่านว่าจะแสดงไปทางไหน แสดงไปในทางรัก มันก็จะตอบในทางรักตามวิธีของหมา ถ้ากิริยา ท่าทาง เสียง และสายตาท่านไม่พอใจ ดุดัน หรือโกรธ มันจะรู้ทันที เพียงไม่ถึงแก่ต้องทำโทษก็เยี่ยวราดเสียแล้ว ท่านจะทำโทษหมาไม่ลง เมื่อท่านรักหมา หมาจะรักท่าน และทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านพอใจตามสมองหมา

หมาจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของท่านตลอดชีวิตของมัน แม้ท่านจะยากจนข้นแค้น ตกทุกข์ได้ยากสักปานใด

หลวงปริพนธ์พจนพิสุทธิ์

โทร. 816031.

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

โดย หมาบางแก้ว return - Tuesday, 31 August 2004, 04:02PM
 

นายน้อย...ดูรายละเอียดจากบทความนี้ก่อนน่ะ

การแพ้วัคซีน (Vaccine Reaction)

 

การแพ้วัคซีนอาจเกิดขึ้นได้หลังจากทำวัคซีนให้สัตว์  การแพ้อาจแบ่งออกได้ 4 ลักษณะ คือ

 

1.       การแพ้วัคซีนธรรมดา  เป็นปฏิกริยาของร่างกายในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายโดยทั่ว ๆ ไป   การให้วัคซีนเข้าไปในร่างกายเป็นการให้สิ่งแปลกปลอมเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มโรค  ปฏิกริยานี้จะพบในวัคซีนเกือบทุกชนิด  ทำให้เกิดไข้ในระยะเวลาประมาณ 72 ชั่วโมง  ก็จะหายไปเองตามธรรมชาติของร่างกาย

2.       การแพ้ที่ทำให้เกิดการอักเสบ  เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้วัคซีนจำนวนมากแก่สัตว์  ความสะอาดในการทำวัคซีน  และการใช้วัคซีนกับสัตว์ที่อ่อนแอ  การอักเสบที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการบวม  ร้อนและมีไข้อย่างรุนแรง  อาการแพ้นี้จะต้องระมัดระวังสัตว์ห้ามอาบน้ำหรืออยู่ในที่ไม่เหมาะสม  ทำให้เกิดอาการของโรคแทรกซ้อนได้ง่าย  เช่น โรคปอดบวม  โดยเฉพาะในสุกร  อาการแพ้นี้จะหายไปเองใน 2-3 วัน  หลังฉีดวัคซีน

3.       การแพ้สิ่งที่ใช้ในการผลิตวัคซีนโดยเฉพาะ เช่น  น้ำมัน  สารฆ่าเชื้อโรคบางชนิดในวัคซีน  อาการแพ้ชนิดนี้จะเกิดขึ้นมากหรือน้อย  ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของสัตว์แต่ละตัว  การแสดงอาการแพ้จะเกิดขึ้นโดยฉับพลันหรือหลังฉีดวัคซีนไม่กี่ชั่วโมง  โดยจะพบมีอาการน้ำลายไหล  หยุดกินอาหาร  หายใจถี่ หอบ  คันตามบริเวณผิวหนังบริเวณที่ฉีดวัคซีนและขยายออกทั่วร่างกาย  ล้มลงชักและตายได้  อาการแพ้นี้จะต้องแก้ไขโดยทันทีโดยการฉีดอะดรีนารินและแอนตี้ฮีสตามิน  ช่วยจะแก้ไขได้

4.       การแพ้วัคซีนทำให้เกิดโรค (Vaccine Break) เป็นการใช้วัคซีนเชื้อเป็น  แล้วทำให้เกิดโรคระบาดขึ้น  ปัจจุบันพบน้อยมากเนื่องจากวัคซีนที่ใช้ไม่ได้คุณภาพ  การตรวจทดสอบไม่ถูกต้อง  ทำให้เชื้อในวัคซีนทำให้เกิดโรคระบาดขึ้น  หรืออาจจะใช้วัคซีนเมื่อมีโรคระบาดอยู่ก่อนแล้ว  การเพิ่มวัคซีนเข้าไปทำให้โรคระบาดนั้นระบาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  เป็นต้น

(ที่มา: สุขศาสตร์สัตว์  หน้า141-142  ผศ.จำเนียร  สัตยาพันธุ์ ส.พ.บ.)

เจ้าตัวยุ่งน่าจะอยู่ที่ข้อ 3  (ไม่แน่ใจน่ะ)แต่อาการไม่ได้รุนแรงอะไร  ทำตามขั้นตอนที่นายน้อย...ทำถูกต้องแล้ว  อาจจะเสริมยาแก้แพ้ (ยักคิ้ว เป็นอันรู้กันน่ะ)ก็ได้  ตรวจจาก web ต่างประเทศแล้วเห็นรูปแล้ว 5555 ตุ่มพุพองเพียบ  เอาเป็นว่าเดี๋ยวอ่านดูก่อนน่ะแล้วค่อยทำ link ให้เข้าไปดู  เจ้าตัวยุ่งของข้า ฯ มันเกิดที่ข้อ 2 เป็นฝีครับ ไว้ค่อยคุยกันอีกทีครับ

มันตรัย


โดย หมาบางแก้ว return - Tuesday, 24 August 2004, 11:36PM
 

ลืมขยายแนวคิดให้นายน้อย...เรื่องสัตว์พื้นเมือง

ข้อกฎหมายที่ยังเป็นร่างพระราชบัญญัติ  เห็นมีอยู่ที่ web กรมปศุสัตว์(อันนี้ยังไม่ได้เป็นกฎหมายบังคับใช้)  แต่คาดว่าในอนาคตคงต้องมีการประกาศใช้กัน  สำหรับสุนัขบางแก้วจะเป็นสัตว์พื้นเมืองด้วยหรือไม่นั้น ข้า ฯ ก็ไม่ทราบครับ  อาจจะมีการกำหนดรายชื่อสัตว์พื้นเมืองอีกทีมั้งครับ(เช่นกฎกระทรวง ประกาศ ฯลฯ) 

ถ้าเกิดประกาศรายชื่อขึ้นมาว่าเป็นสัตว์พื้นเมือง  ก็คงต้องดูมิติที่กว้างขึ้นว่าจะไปกระทบกับอะไรบ้างต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสุนัขบางแก้ว  แต่ที่แน่ ๆ ก็คือการวิจัยสัตว์พื้นเมืองต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการ ฯ  ทำผิดหลักเกณฑ์ก็คือผิดกฎหมายครับมีทั้งจำและปรับ  เรื่องสัตว์พื้นเมืองจึงต้องจับตาดูครับ  เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับสุนัขบางแก้ว

สำหรับการนำสัตว์จากต่างประเทศนำมาผสมพันธุ์กับสัตว์พื้นเมือง  โดยส่วนมากมักจะกระทำในสัตว์เศรษฐกิจ เช่นโคเนื้อ โคนม ฯลฯ

เป็นการปรับปรุงกันในด้านให้เนื้อ นม ไข่และการทนทานต่ออากาศร้อนในบ้านเมืองเราครับ ข้อเสียมีไม่มาก แต่เราจะได้สัตว์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น  ให้ผลผลิตที่สูงขึ้นกว่าพันธุ์พื้นเมืองที่เรามีอยู่  ได้เนื้อ ได้นมมากขึ้น  เวลาคัดทิ้งก็ทำได้ง่ายขายออกไปเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ตลอดเวลา   แต่ผิดกับสุนัขครับนายน้อย...ไม่มีแบบแผนการผสม  ย่อมได้แค่สุนัขพันธุ์ทางที่ไม่มีสมาคมไหนเค้ายอมรับ  ผสมดีไม่ดีล้วนเกิดปัญหาให้สังคม  ได้สัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์  คัดทิ้งก็ยาก  ไม่สามารถขายเนื้อได้เหมือนสัตว์เศรษฐกิจ

จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัว  วิชาการเรื่องการปรับปรุงพันธุ์สุนัขหรือสัตว์ต่าง ๆ  บ้านเรา(โดยมนุษย์)จึงยังห่างไกลกับต่างประเทศอยู่มาก  เป็นไปได้ยากในเรื่องนี้สำหรับบ้านเราครับ 

รายละเอียดมีมากกว่านี้ครับนายน้อย...ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนบ้างเพราะเป็นข้อมูลเก่าที่อยู่ใน hard disk ของข้า ฯ น้อยนานมาแล้ว  ปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ข้า ฯ ขออภัย  อ่านเล่น ๆ ไว้เป็นแนวคิดก็แล้วกันนะครับ

แงซาย


หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  (ต่อไป)