ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Saturday, 25 February 2006, 11:34PM
 

ปู่หัวโตน่าสงสารจังเลยครับ  สารพัดโรคจริงๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากที่ครั้งหนึ่งปู่ต้องเป็นสุนัขจรมาก่อน

ในร่างกายของปู่คงเต็มไปด้วยยาประเภทสเตรียรอยด์แน่ๆ เลย  เพราะผมก็มีน้องชายเป็นสุนัขจร

แม่ได้น้องชายผมมาจากเว็ปพันทิป   ตอนนั้นเม่าอายุประมาณ 3เดือน  น้องถูกรถชนสมอง

กระทบกระเทือน   ตอนที่รับมาใหม่ๆ น้องทานข้าว-น้ำเองไม่ได้  ต้องป้อน  แล้วน้องจะเอ๋อๆ

ชอบวิ่งวนๆ ตอนนี้เค้าอายุขวบกว่าๆ แล้ว  ทานข้าวเองได้แต่น้ำยังคงต้องป้อนกันอยู่

น้องมีปัญหาคล้ายๆ ปู่หัวโตเลยครับ  แนวทางการรักษาก็คล้ายๆ กัน  แต่ตอนนี้มีปัญหาที่

รอบๆ ตาเค้าจะขนร่วง  ขอบตาแดง และมีน้ำตาไหล  คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเป็นขี้เรื้อน

แต่ก่อนหน้านี้ขูดผิวหนังไปตรวจก็ไม่มีเจ้าเอเลี่ยน  แต่คุณหมอบอกว่า  บางทีตรวจ

แล้วไม่มีตัวแต่ก็อาจจะเป็นได้  ก็โดนฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อลดคันเพราะเค้าเกาเสียจนตามผิวหนัง

เลือดซิปๆ เลย  ตอนนี้ก็ยังเกาอยู่แต่ลดน้อยลง  แม่บอกว่าไม่อยากให้น้องต้องทานยาเยอะๆ

เลยคิดว่ารักษาไปตามอาการน่าจะดีกว่า  แม่กี๋พอจะแนะนำวิธีดูแลรักษาให้แม่ผมจิดหนึ่งได้มั๊ยครับ

แม่กี๋ครับ    ตังขอแนะนำให้รู้จัก...ข้าวเม่า...คร๊าบ น้องมาอยู่กับครอบครัวผมได้ปีหนึ่งแล้วครับ

 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Sunday, 26 February 2006, 09:34AM
 

สวัสดีค่ะคุณแม่น้องโอ๊ต พี่ข้าวตังและน้องใหม่..ข้าวเม่า ได้อ่านเรื่องราวของน้องเม่าแล้ว ชื่นใจที่คุณแม่มีความกรุณา รับอุปถัมภ์น้องเม่า

หมาน้อยผู้บอบช้ำ อุบัติเหตุมีผลต่อประสาทการควบคุมอวัยวะอื่นๆ และโรคตาบางชนิดด้วยนะคะ
คำแนะนำเรื่องการดูแลตาตามอาการ แม่กี๋ถือคติ "ไม่คันไม่เกา" ดังนั้นจึงพยายามแก้ไข สาเหตุที่ทำให้หัวโตเกาตา ถ้าเห็นตาแดง ขอบตา

มีแผล รีบหาหมอกินยา ต้องช่วยทำให้หายอย่างเร็วไว ข้อบังคับคือต้องถ่ายยาเดือนละครั้ง เพื่อป้องปรามโรคผิวหนัง ที่มีสาเหตุจากพยาธิ

และขี้เรื้อน
หมาบางแก้วผู้รักความสะอาด ชอบใช้ขาหน้าเช็ดตาบ่อยๆ แม่กี๋ช่วยเช็ดน้ำตา และขี้ตาบ่อยๆ เพื่อลดความรำคาญจากขี้ตาที่แห้งกรัง หรือ

ตาฟางเพราะมีขี้ตาบดบังวิสัยทัศน์ เวลาใช้กระดาษทิชชูเช็ด กระดาษเป็นคราบดำปี๋ แสดงว่าอุ้งตีนมีแต่ฝุ่นดิน พอมีแผลถลอกจากการเกา ก็

เลยติดเชื้อ เรื้อรังกระจายไปรอบๆขอบตาได้ง่าย
แม่กี๋เห็นรูปหมาบางแก้วตัวหนึ่ง ที่กระทู้ รวมพล บางแก้ว แดนตะวัน รอบๆตาและจมูกเป็นแผลเรื้อรัง มันรบกวนคุณภาพชีวิตน้องหมานะคะ

ที่ต้องอยู่กับ แผลที่ แสบ ตึงและคันยุบยิบทั้งวันทั้งคืน
คุณแม่เล่าเรื่องน้องเม่าเข้ามาอีกนะคะ กับพี่ตังเข้าได้ดีหรือ? และอยากเห็นรูปในปัจจุบันของสองพี่น้องด้วยค่ะ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย พายุ วงศ์วายุ - Monday, 27 February 2006, 09:37AM
 
พวกโกวๆของพายุและน้องน้ำมนต์ขอคารวะคุณแม่กี๋และคุณแม่โอ๊ตคนละ 1 จอกครับ... ชื่อน่ากินจังเลย "ข้าวเม่า"... หูของน้องข้าวเม่ากินขาดหูของน้องน้ำมนต์เลยครับ... ตอนนี้น้องน้ำมนต์กำลังมีปัญหาเรื่องหูครับ น้องน้ำมนต์คันหู น้องก็เลยเกาๆๆๆๆ จนเป็นแผลที่หูด้านในครับ... อาโกวต้องคอยทำความสะอาดใบหูด้านในและในรูหูให้... แต่น้องน้ำมนต์ไม่ค่อยจะยอมอยู่นิ่งๆให้อาโกวทำความสะอาดหรอกครับ น้องน้ำมนต์คอยลุกหนีไปซุกอยู่ตามซอก กะว่าอาโกวจะได้จู่โจมไม่ถึงน่ะครับ

น้องน้ำมนต์ยังคงเป็น "บังอรเอาแต่นอน" ไม่เปลี่ยนแปลงครับ... อาโกวจะพาไปหาคุณหมออยู่แหม็บๆนี่แล้ว มัวแต่นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นอยู่นั่นแหละ...

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 27 February 2006, 11:00AM
 

น้องน้ำมนต์มีหมอนข้างด้วย!!  เก๋ไก๋จริงๆ อาโกวช่างหาของเล่นให้น้องน้ำมนต์ ไม่ซ้ำแบบใครเน๊อะ ห่มผ้ากอดหมอน บังอรนอนรอสบายแต้ๆ

เรื่องคันหู เต๋าเต้ยเพิ่งถูกแม่กี๋จับเช็ดรูหู เพราะเธอเกาหูจน ขนข้างรูหูข้างหนึ่ง หายไปเป็นวงเล็กๆ เดินหูเอียงไม่เท่เลย หาเห็บตามใบหูก็ไม่พบ สังเกตว่าเอาเท้าควักเข้าไปในรูหู เปิดดูเห็นขี้หูดำๆ เหนียวหนึบ

แม่กี๋เลยซื้อโลชั่นเช็ดหูจากห้าง ยี่ห้อ SLEEKY ที่ปลอดแอลกอฮอล ใช้Cotton Budsจุ่มน้ำยา เช็ดขี้หูและชุบสำลีเช็ดใบหู แม่กี๋ไม่กล้าแหย่เข้าไปลึก แค่ซอกซอยตรงหูชั้นนอกเท่านั้น

เต๋าเต้ยหวงขี้ และขี้หวงสมบัติตามเคย พยายามหันมาดู หันมาดม ว่าแม่กี๋กำลังแอบขโมยอะไรออกไปจากหูของเต๋าเต้ย แม่กี๋เลยเอาให้ดมและบอกว่า นี่ไงขี้หูเต๋าเต้ยหยะแหย๋งเหม็นจัง!!! ตอนนี้เลิกเกาแล้วล่ะค่ะ

น้องน้ำมนต์หมอว่าเป็นอะไรคะ? แม่กี๋เคยอ่านเรื่องของสมาชิกท่านหนึ่ง ที่ลูกแกเป็นเชื้อราในหู เกาแบบเต๋าเต้ยและน้องน้ำมนต์นี่ล่ะค่ะ หยอดหู กินยาฆ่าเชื้อ ไม่นานก็หาย..หยุดเกาๆ...หยุดคันๆ..ค้า


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Monday, 27 February 2006, 11:45AM
 

สวัสดีค่ะ แม่กี๋ปู่หัวโตเป็นบางแก้วโชคดีที่น่าสงสารจังเลย มาเจอนายที่ดีแล้ว แต่ยังต้องต่อสู่กับสังขารที่ร่วงโรยอีก แต่ตอนนี้น้องฟ้ามุ่ยเริ่มโชคร้ายแล้วค่ะ ป่ะป๊าจะจับอาบน้ำแล้ว ม่ายยย...เอาๆ ม่ายยยย.....อาบ...


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 27 February 2006, 12:08PM
 

น้องฟ้ามุ่ยเจ้า.....พอหายก็ซนหยดเลยนะเจ้าคะ ดูขาหน้าทั้งสองข้างจิ ไปลุยตี้หน่ายมา? ยังมาทำหน้าทะเล้นอีก น้องสาวพี่เต๋าเต้ยนางนี้ สงสัยโตขึ้น..เป็นสาวแก่นแก้วแหง๋ๆ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 27 February 2006, 06:37PM
 

คงเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา  ที่ทำให้หัวโต มีแต่คนที่เกลียดมากกว่าคนที่รัก แม่กี๋พอเดาได้จากสายตาและน้ำเสียงของคนแถวนั้น เมื่อรู้ว่าหัวโตได้เลื่อนขั้น ขึ้นเป็นหมามีปลอกคอ เทียบชั้นเท่ากับ หมาบ้านตัวอื่นๆ

บ่ายวันหนึ่ง แม่ค้าขายปาท่องโก๋ ที่พักอยู่ห้องแถว ปากซอย ตระโกนข้ามรั้วทักทาย เมื่อเห็นแม่กี๋กำลังอาบน้ำให้หัวโต  คล้ายจะยินดีที่หัวโตได้รับการเลี้ยงดูที่ดีขึ้น แต่มาถึงบางอ้อ  เมื่อแอบไปรู้ความลับว่า แม่ค้าคนนี้เป็นคู่กรณีเก่าแก่ แกเกลียดหัวโตเข้ากระดูกดำ รอยแผลเย็บจากเขี้ยวที่ขา เป็นพยานหลักฐาน ที่ฝังใจแกมานาน เรื่องนี้แม่กี๋จะขยายความภายหลัง เพื่อความเป็นธรรมของคนและหมา

นอกจากชาวบ้านชาวแฟลตแล้ว หัวโตยังมีคดีความกับหมาอีกหลายเขต เท่าที่ประมวลได้ ได้แก่ เจ้าแซมและเจ้าบอส  มาเฟียฝรั่ง บ้านตรงกันข้าม  ; เจ้าเตี้ยสุดหล่อ นักเลง คุมแฟลต ; แม่หมีอ้วนดำ เจ๊ใหญ่ ตลาดสด ; เจ้าบูธ หมาไทยหลังอาน อันธพาล ห้องแถวปากซอย; ไข่ตุ๋น ลาบราดอร์ หมาขี้อ้อน ชาวแฟลต ; จัมโบ้ โกลเด้น หมาขี้เล่นหลังบ้าน   แต่ละตัวที่หัวโตเลือกเป็นศัตรู ล้วนแล้วแต่ชั้นแนวหน้าระดับหัวกะทิ ไม่หมาเจ้าถิ่น ก็หมายอดดวงใจของเจ้าของ ทั้งนั้น

“เจ้าแซมและเจ้าบอส” สองพ่อลูก พันธุ์เยอรมันเชพเพอดชาวกรุง เจ้าของเล่าว่า เอามาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ แกรักเหมือนลูก แต่ข้อจำกัดเรื่องการโยกย้าย ที่ทำงานและบ้านพัก เลยทำให้ไม่สามารถย้ายตามมาอยู่ด้วย   เจ้าสองตัวจึงต้องถูกเลี้ยงอยู่ที่บ้านในกรุงเทพ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่เจอะเจอหมาที่ไหนเป็นเวลานาน ระยะหลังๆเจ้าแซม กล้ามเนื้อขาหลังชักอ่อนแรง เพราะไม่ได้วิ่งออกกำลังกาย ความจำเป็นตามธรรมชาติของสุนัขพันธุ์นี้ แกจึงตัดสินใจเอามาเลี้ยงที่บ้านมหาชัย ที่พอจะมีบริเวณหน้าบ้านให้วิ่งเล่นกันบ้าง   

การมาของสองพ่อลูก ไม่พ้นสายตาที่แหลมคมของเจ้าสุดหล่อ  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวโต ที่นอนจดจ้องอยู่มุมหนึ่ง ในบ้านหลังตรงกันข้าม  สำหรับหมา การมาอยู่ใหม่ คือ การล่วงล้ำเข้ามาอยู่ในเขตแดน  จึงไม่แปลกเลยที่หมาจรจัดเหล่านั้น จะออกอาการหวงอาณาเขต โดยที่ไม่เกรงกลัวเจ้าหมาแปลกหน้า ที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า

ในสายตาของหัวโต เจ้าสองตัว เป็นหมาแปลกหน้าและหน้าแปลก ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นที่หน้าตา กลิ่นหรือดวงชะตาเป็นอริกัน หัวโตถึงได้เกลียดเจ้าหมาฝรั่ง นัยน์ตาสีพิลึกนั่นเสียจริงๆ   ประกาศตัวเป็นศัตรู ตั้งแต่แรกพบ พร้อมกับเปิดศึก วิ่งเข้าไปเห่ากรรโชก กวนอารมณ์ แบบเหยี่ยวถลาลม โฉบหนีและโฉบหนี  โดยมีเจ้าสุดหล่อผสมโรงด้วย ไม่ต้องถามว่าเจ้าสองตัวพ่อลูก จะโกรธสักเพียงไร  แต่ที่เห็นๆมันได้กากบาท หมายหัวหมาเจ้าถิ่นสองตัว ไว้ในสมองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และวันที่รอคอยก็มาถึง เจ้าของปล่อย ให้ทั้งคู่ออกมาขับถ่ายนอกบ้าน โดยไม่มีโซ่ล่าม  เหล่าหมาจรจัดพากันเห่ากันเกรียวกราว ได้เรื่องอย่างที่คิด พอได้อิสระสองพ่อลูก กระจายกำลัง วิ่งเข้าไล่กัดหมาจรจัดทั้งฝูง โชคร้าย!! ที่มีเหยื่อตัวหนึ่งหนีไม่ทัน มันถูกกัดเข้าจมเขี้ยว ได้ข่าวว่าไม่รอด....ตายสนิท ตัวอื่นๆพากันวิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ส่วนหัวโตหนีเอาตัวรอดเป็นยอดดี  วิ่งกระโจนเข้าในบ้านทันที

บทเรียนที่หมาเรียนรู้ได้โดยสัญชาตญาณ นับตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่มีตัวไหนกล้าเข้าไปตอแย ยกเว้นหัวโต  ที่ยังดื้อรั้นมั่นใจในตัวเอง ตามแบบฉบับหมาบางแก้ว ดังนั้นในช่วงที่แม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตจึงถูกกัดนับครั้งไม่ถ้วน เย็บแล้วเย็บอีก ยังดีที่เพื่อนบ้านชอบพอกัน เขาเข้ามาช่วยแยก กันหมาของเขาออกไป มิเช่นนั้นมีหวังเหลือแต่ชื่อ ไม่ได้เอามาลือ ถึงอำเภอท่ายางเป็นแน่

แต่ก็ขยาดอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นจำเสียงรถและเสียงเปิดปิดประตู ของบ้านตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ พอได้ยินเสียงแว่วๆ ไม่ว่าจะกำลังหลับหรือตื่น   จะได้ยินเสียงหัวโตเห่าโวยวาย  คล้ายส่งเป็นสัญญาณเตือนภัยให้เหล่าหมาๆ ส่งเสียงขานรับกันไปเป็นทอดๆ

 แต่พอเห็นเจ้าสองตัวอยู่ในเขตรั้ว หัวโตก็วิ่งรี่ออกไปเห่าอยู่ริมรั้วเหมือนเดิม  แม่กี๋ต้องเอาไปล่ามโซ่ไว้ที่โรงรถ ที่เดิมที่เคยชอบนอน  เพราะการไปยั่วยุที่รั้ว หมาตัวไหนจะไม่โกรธและผูกใจเจ็บ เมื่อหลุดออกมานอกบ้าน มันถึงได้ตรงไปไล่ขย้ำเหยื่อไม่เลือกหน้า ไม่ใช่เฉพาะบริเวณแฟลต แต่ยังล่วงล้ำเขตแดนไปถึงตลาดสด ทั้งหมาทั้งคนต้องหลบเข้าซอกซอยกันให้วุ่น  

ต้องนับว่าเจ้าสองตัว เป็นหมาผู้ทรงอิทธิพล ที่ก่อให้เกิดความหวาดหวั่นในหมู่หมาจรจัด บริเวณหน้าบ้านเจ้าสองตัวกลายเป็น “มาเฟียโซน” ที่ไม่ว่าคนหรือหมา พากันเดินเลี่ยงไปไกล ใครจะไปรู้ได้ว่า วันใดวันหนึ่ง เจ้าสองตัวอาจจะกระโดดข้ามรั้วไม้ ที่สูงเพียงแค่หนึ่งเมตรเศษๆเท่านั้น

หัวโตนอนให้ล่ามโซ่ได้ไม่นาน ก็แผลงฤทธิ์ ร้องส่งเสียงดัง รบกวนเพื่อนบ้าน แถมประชดด้วยการตระกายตัวถังรถ  กัดกันโคลน กุดหลุดออกทั้งสองข้าง และที่ทำให้แม่กี๋โกรธก็คือ เวลาเรียกออกมากินข้าว ทำเป็นโมโหโกรธา พร้อมกับขู่ตั้งท่าจะกัด.. แม่กี๋เลยเล่นบทนางมารร้าย ปลดโซ่ ไล่หัวโตออกจากบ้าน “จะกัดแม่ใช่มั๊ย!! ออกไปอยู่ที่อื่นเลย อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ” หัวโตหางตก วิ่งหายไปทางห้องแถว ปากซอย

แม่กี๋รู้ว่าหัวโตจะไปที่ไหน ที่หมายก็คือบ้านของเพื่อนร่วมงานพ่อจ๋า คนที่คุ้นเคยเข้านอกออกในบ้านได้ เขามักซื้อปีกไก่ย่างมาฝากเป็นประจำ จนหัวโตติดใจ วิ่งตามไปเฝ้าเขาที่ทำงานบ่อยๆ  เวลาแม่กี๋ไม่อยู่หัวโตจะไปสิงสถิตอยู่ที่ห้องแถว เพราะเขาให้อาหารและให้เข้าไปนอนในบ้าน เล่นกับลูกๆ  จนบางครั้งพ่อจ๋าต้องเดินไปตามกลับบ้านบ่อยๆ

ที่ห้องแถวปากซอย  เป็นย่านชุมชนคนรักหมา แต่ละห้องเลี้ยงหมาทั้งพันธุ์ใหญ่พันธุ์เล็ก  หนึ่งในนั้นคือ เจ้าบูธ หมาไทยหลังอาน สีแดงเข้ม ขนเรียบมัน เห็นอานเล็กเป็นแนวชัดเจน แต่หุ่นดันตัวหนาขาสั้น เจ้าบูธดุขึ้นชื่อ กัดไม่เลี้ยงทั้งคนทั้งหมา ที่บังเอิญเดินผ่านเขตแดน เวลากัดจะสะบัดหัวไปมา ถ้าได้งับแล้วขากรรไกรค้าง อย่าหวังว่าจะปล่อยง่ายๆ

 เจ้าบูธเป็นลูกของนังแดง สาวกสาวของเจ้าสุดหล่อ แม่นี่ !! ตั้งท้องหัวปีท้ายปี ไม่เคยมีเว้นวรรค ออกลูกที7-8ตัว ตัวผอมจนตากลวงโบ๋ แต่ลูกของมันเป็นที่ต้องการของตลาด ออกมากี่คอกกี่คอก คนจองเอาไปเลี้ยงเกลี้ยงคอก เพราะลูกๆของนังแดง สวยและดุไม่ผิดหวังสักตัว ตอนหลัง นังแดงเลยถูกสาวโรงงานใจบุญ เอาไปทำหมัน เพื่อชีวิตที่ดีของนังแดง

อุปสรรคของการอยู่ที่ห้องแถวของหัวโต  ไม่พ้นเรื่องทะเลาะกับหมาชาวบ้าน หัวโตกับเจ้าบูธ เปรียบเสมือนขมิ้นกับปูน เจ้าบูธจะดิ่งเข้ากัดหัวโตทันทีที่เห็น  บางทีวิ่งมากัดถึงหน้าแฟลต นิสัยแบบนี้ จะไม่ให้เรียกว่า อันธพาล  แล้วจะให้เรียกว่ากระไรกัน?

เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าบูธ หัวโตหมาแก่หอบสังขารขึ้นเวทีด้วยใจรัก แต่สไตล์การต่อสู้ เป็นแนวมวยปล้ำ ที่ไร้พิษสง กรรมการแทงว่าเป็นมวยหมดรูป  เอาลำตัวเข้ารับเขี้ยวคู่ต่อสู้ตลอดเวลา  กัดไม่เข้า น้ำลายท่วมเวที ได้แต่ตระเบ็งเสียงหนวกหู หวังข่มขวัญ  ที่มันก็ไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไร กรรมการเลยจับแพ้อย่างเป็นเอกฉันท์....  ไม่ต้องนับ ไม่ต้องน๊อค ไม่มีการรวมคะแนน แต่ชื่นชมว่าชกได้อย่างสมศักดิ์ศรี  ไม่ไล่ไม่เลิก นิสัยดันทุรังแบบนี้ ไม่รู้ว่าเอาชีวิตรอด มาถึงอายุปูนนี้ได้อย่างไร?

ยังไม่หมดเรื่อง หัวโตนอนอยู่ในบ้านเขานาน จนพาลนึกว่าเป็นบ้านของตัวเอง เที่ยวแยกเขี้ยวยิงฟัน  ข่มขู่แขกที่มาเยี่ยมเยียน  เด็กๆที่มาเล่นในบ้าน  และแล้ววันหนึ่งหัวโตก็งับมือพี่ชายเจ้าของบ้านเข้าให้ แต่ที่ให้อภัยไม่ได้จริงๆ คือดันไปมีเรื่องกับแม่ยายที่เคารพ..... มันก็เลยจบกัน

ในที่สุดหัวโตต้องซมซาน กลับมาหาแม่กี๋อีกตามเคย  แต่อย่าหวังว่าจะได้รับการอภัยโทษง่ายๆ  สมควรต้องดัดนิสัยให้หลาบจำ ปราบนิสัยขู่เจ้าของ ต้องให้เลิกขู่อย่างถาวร  และจำให้มั่นว่า ”รักแม่ ต้องไม่ดุกับแม่”

แม่กี๋ตีหน้ายักษ์ ดุว่าสารพัด ห้ามเข้าเขตบ้าน ให้เรียนรู้ว่า หัวโตต้องเคารพและยำเกรงเจ้าของ  หาไม่แล้ว!! อยู่ด้วยกันไม่ได้ ทำอยู่แบบนี้หลายครั้ง  เพราะมั่นใจว่าความรักและผูกพันกันตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าหัวโตรักและยอมรับแม่กี๋ให้เป็น “นายเดียว” อย่างจริงใจ นักเลงหัวโตต้องไม่คืนคำ หากเป็นได้เช่นนั้น หัวโตจะไม่มีทางหนีจากนายคนเดียวคนนี้ไปที่ไหนอีกเลย....


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Tuesday, 28 February 2006, 03:59PM
 

"แม่กี๋ตีหน้ายักษ์ ดุว่าสารพัด ห้ามเข้าเขตบ้าน ให้เรียนรู้ว่า หัวโตต้องเคารพและยำเกรงเจ้าของ หาไม่แล้ว!! อยู่ด้วยกันไม่ได้" 5555+ เป็นไงหล่ะเจ้าหัวโตจ๋อยไปเลย จะได้รู้บ้าง ว่าไข๋เป๋นไข๋! อย่างนี้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "หัวหึ่งหึ่ง" = (หมา+หัวโต+เน่า) อย่างนี้ต้องเอาไปใช้กับฟ้ามุ่ยบ้างจะได้หาย zaaa.....

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 28 February 2006, 07:15PM
 

หัวโตเป็นหัวหึ่งหึ่ง แม่กี๋เป็นแม่ติ๊ดฉึ่ง= แม่+เต้นไป+รำมา  หาหนทางปราบเจ้าหมาเด็กและเจ้าหมาแก่ บางแก้วจอมลวดลาย ให้หาย zaaa...

คุณพ่อน้องฟ้ามุ่ย..เตรียมซ้อมท่าเต้น ไว้หลายๆจังหวะหน่อยนะคะ กว่าจะโตโอ้โฮ..หลายเดือน โดยเฉพาะ..R0CK ...กะ...รำวง ก็บางครั้งน้องหมาบางแก้วก็แสบ..ซู่ซ่าแบบร๊อคสะเดิด แต่บางทีก็ รื่นเริงเถิดเทิง..แบบรำวงกลองยาว...จ้า


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Tuesday, 28 February 2006, 06:18PM
 

เป็นไงล่ะ....นักเลงปู่หัวโต    เจอเจ้าแม่กี๋ (น้องๆ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้)เข้าให้   มึนมั๊ยล่ะ  กัดฟัน

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 2 March 2006, 08:48PM
 

แม่กี๋ไม่ได้โกรธเคืองหัวโต จนถึงขั้นจะตัดเป็นตัดตายกัน แต่เมื่อมันเกิดปัญหาของการอยู่ร่วมกัน ก็ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน วิธีหนึ่งในการหาแนวทางแก้ไข  คือการทำความเข้าใจ ค้นหา จุดเริ่มต้นของปัญหา เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว ที่แม่กี๋และหัวโตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขทั้งสองชีวิต

ต้นเหตุแรก คือ “ผู้อุปการะ= ตัวของแม่กี๋เอง ”   ที่ขาดการเตรียมความพร้อม ที่จริงควรทำความเข้าใจธรรมชาติของหมาจรจัดให้ดีเสียก่อน ก่อนคิดรับอุปการะหัวโต การเลี้ยงหมาจรจัด ไม่ใช่คิดแต่เพียงอยากช่วยเหลือ แต่ต้องเผื่อใจว่าวันข้างหน้าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ใดบ้าง?   เพราะหมาจรจัดแต่ละตัวมีประสบการณ์ชีวิตเร่ร่อนหรือการถูกทารุณแตกต่างกัน

“โซเล่” หมาไทยตัวอ้วนวัยสี่เดือน ถูกเพื่อนบ้านเอาน้ำร้อนสาดไล่ เพียงเพราะเขาไม่พอใจ ที่เจ้าตัวน้อย เข้าไปเดินเล่นใกล้ๆร้านค้า เป็นแผลน้ำร้อนลวกเกือบทั้งตัว เจ้าของปล่อยจนแผลติดเชื้อและเน่าเปื่อย ไม่รักษาตัดปัญหา ที่การเอาไปปล่อย ให้พ้นสายตา

จากก่อนนี้ ที่เคยมีเจ้าของคอยดูแล เคยวิ่งเล่นกับเด็กๆอย่างมีความสุข เพียงไม่กี่วัน ชีวิตต้องกลับกลายเป็น หมาข้างถนน หอบสังขารที่บาดเจ็บสาหัส ร่อนเร่หาอาหารและที่ซุกหัวนอน ถ้าโชเล่ยังมีชีวิตอยู่ จะมีพฤติกรรมอย่างไร?

“ไอ่อ้วน” หมาไทยพันธุ์ผสมวัยสามปี เจ้าของรักสุดใจ อยากกินอะไร เจ้าของสรรหามาให้ ฉลาด แสนรู้ สามารถนั่งไหว้ขออาหาร มีนิสัยประจบเก่งเป็นที่หนึ่ง ไม่ว่าเจ้าของจะไปไหน ไอ่อ้วนเดินตาม วิ่งตามรถ จนคนในตลาดใกล้ๆบ้านรู้จักกันทั่ว ส่งเสียงเรียกทักทาย เมื่อไอ่อ้วนเดินผ่านหน้าร้าน

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้าของมีเหตุต้องไปนอนที่โรงแรม ห่างจากบ้าน3-4 ก.ม. ไอ่อ้วนตามไปนอนเฝ้าที่ล็อบบี้ จนถึงเช้าเพื่อรอกลับบ้านพร้อมกัน

แต่แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เช้าวันนั้น ไอ่อ้วนวิ่งตามเจ้าของไปตลาดเช่นเคย แต่ครั้งนี้ ไอ่อ้วนหายตัวไปและไม่กลับบ้านอีกเลย

ทิ้งให้เจ้าของทนทุกข์ตามหาอยู่หลายเดือน  สอบถามแม่ค้าในตลาด ไปทุกที่ที่เคยไป จนหมดหวัง ไม่มีใครเห็นแม้นแต่เงา  และไม่มีใครรู้ว่า ไอ่อ้วนหลงทางพลัดที่ มีคนจับตัวไปเลี้ยงหรือเอาไปกิน หรือ เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้าน 

ชีวิตต่อแต่นี้ไป ไม่มีนายคนเดิม หรืออาจจะไม่มีนายอีกเลย อาจไม่โหดร้ายเหมือนโดนกระทำทารุณกรรมทางร่างกาย แต่การพรากจากเจ้าของที่รัก ความคิดถึง ความเหงา สภาพแวดล้อมใหม่ๆ จะทำให้เจ้าหมารักนายตัวนี้ มีพฤติกรรมอย่างไร?

การรับอุปการะหมาจรจัด จึงต้องพิจารณาหลายๆด้านประกอบการตัดสินใจ บางคนเลือกรับหมาที่ผ่านการปรับพฤติกรรมจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว สามารถลดปัญหา เรื่องดูแลรักษาสุขภาพและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ที่ติดตัวมา

เมื่อรับมาแล้ว เกิดมีปัญหา อาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น โรงเรียนฝึกสุนัข หรือ สถานรับเลี้ยงสุนัขบางแห่ง ซึ่งมีผู้ดูแลพฤติกรรมสุนัข ที่สามารถให้คำแนะนำได้ ฉะนั้นการจะตกหลุมรักหมาจรจัด ต้องพร้อมที่จะยอมรับความบกพร่อง..ได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...

ต้นเหตุที่สอง คือ “ผู้ได้รับการอุปการะ= หัวโต”   ที่มีความเคยชินกับสภาพการดำรงชีวิตในอดีต การต่อสู้เพื่อการอยู่รอด ทำให้หัวโตมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางก้าวร้าว ไม่กลัวใคร เพราะที่ผ่านมาหัวโตได้ใช้ชีวิตแบบหมาไร้นาย ไม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของใคร อยู่นอกกฎระเบียบ การถูกลงโทษโดยคนแปลกหน้า ไม่ได้มีความหมายใดๆ นอกจากการถูกทำร้าย เป็นปมด้านมืดในจิตใจ ที่ส่งผลพอกพูน สู่ความไม่ไว้วางใจในคนและหมารอบข้าง

 ดังนั้นเมื่อแม่กี๋รับหัวโต..หมาจรจัดมาอุปการะ  จึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหา ทุกเรื่องราวที่ติดตัวหัวโตมา ไม่ใช่คิดแต่เพียงการฟื้นฟูสุขภาพทางกาย แต่ต้องสังเกตและทำความเข้าใจบุคลิกภาพที่แท้จริง ที่อาจเป็นได้ทั้งนิสัยของหัวโตเอง หรือ ผลพวงจากการถูกทอดทิ้งและการถูกทารุณกรรม มาเป็นเวลานาน

ช่วงแรกที่รับเลี้ยงหัวโต จนเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้าน ขอเรียกช่วงนี้ว่า ช่วงเวลาการปรับตัว แม่กี๋และหัวโต ควรต้องก้าวเดินไปพร้อมๆกัน

โดยเฉพาะ การจัดลำดับหัวหน้าฝูงในบ้าน  ที่แม่กี๋กลับไม่เคยคิดจะทำตั้งแต่แรก ด้วยความสงสาร และไม่แน่ใจว่าหัวโตจะเชื่อฟังคำสั่งหรืออาจจะดุร้าย เนื่องจากไม่ได้เลี้ยงกันมาตั้งแต่เล็กๆ

หัวโตมีนิสัยรักสันโดษ ชอบอยู่ตัวเดียว ไม่ชอบสุงสิงกับคนหรือหมาใดๆ ไม่ผูกมิตร ไม่ต้อนรับแขกคนไหนๆทั้งนั้น แม่กี๋เองยังไม่เคยเห็นหัวโตกระดิกหางหรือ แสดงอาการดีใจเป็นล้นพ้น  อย่างมากก็แค่เดินเข้ามาหา คลอเคลียให้จับตัวลูบหัว เรื่องแค่นี้หัวโตยังเลือกปฏิบัติเฉพาะแต่แม่กี๋เท่านั้น เป็นนิสัยที่ทำให้หัวโตต้องมีชีวิตที่โดดเดี่ยวและ เงียบเหงา

ด้วยความสงสาร แม่กี๋จึงไม่ได้กำหนดกฎระเบียบ ไม่ขัดใจ ให้อภัย ไม่เคยดุหรือลงโทษ จนกลายเป็นโอ๋ และ ขยาดกลัวนิดๆ หัวโตจึงแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวออกมา  นั่นแสดงให้เห็นว่าหัวโตยังไม่ได้มอบตำแหน่ง “นาย” หรือ “หัวหน้า” ให้แก่คนในบ้านเดียวกันคนนี้ อย่างจริงใจ!!

และนี่คือเหตุผลที่ แม่กี๋ต้องรับบทโหด แสดงความเด็ดเดี่ยวและความดุที่เหนือกว่า เพื่อสร้างภาพหัวหน้าฝูง ให้หัวโตเรียนรู้ว่า หัวหน้าฝูงคนนี้จะคอยดูแล คอยหาอาหาร รักษาโรค คุ้มครอง ป้องกันภัย ให้ที่พักพิง และบางครั้งอาจไม่ต้องทำตามคำเรียกร้อง หรือถ้าจำเป็นก็ต้องเด็ดขาดเข้มงวดหรือดุดันกันบ้าง  ตลอดจนมีสิทธิในการตัดสินใจว่าจะให้หัวโตทำอะไรและไม่ให้ทำอะไรในบ้าน ต่อสิ่งของและบุคคล

การปรับตัวของหัวโต ต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์  ยังมีเผลอตัวขู่บ้าง ซึ่งก็ต้องตักเตือนกันทุกครั้ง มีการเรียกร้องแบบเอาแต่ใจ เช่น ล่ามโซ่หรือขังในห้องหลังบ้าน เพื่อกันไม่ให้ออกไปหาเรื่องเจ็บตัวจากเจ้าแซม หัวโตต่อต้านด้วยการกรีดเสียงร้องไม่หยุด

แต่แม่กี๋ไม่เคยยอมตามใจปล่อยในทันที จะใช้วิธีการเดินไปเตือนและจ้องหน้า หัวโตทำท่าเข้าใจ และหยุดร้องไปพักหนึ่ง เพียงชั่วอึดใจก็บรรเลงเพลงต่อ  ดังนั้นจนแล้วจนรอด หัวโตก็ยังเป็นหมาผู้หวงความเป็นอิสระเสรีเหนืออื่นใด ไม่เคยยอมให้ล่ามโซ่หรือกักขังนานๆ และแม่กี๋ก็ยังเป็นหัวหน้าฝูงที่ไม่ยอมอ่อนข้อ ยอมรับข้อเรียกร้องโดยง่าย

ปัญหาเรื่องการปรับตัวระหว่างแม่ลูก ควรต้องมีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค่อยๆปรับพฤติกรรมทีละเล็กทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป และต้องไม่ลืมว่า “ไม้แก่ดัดยาก”   

แต่มันกลับกลายเป็นปัญหา ที่ต้องรอการแก้ไข เพราะหลังจากที่หัวโตซมซาน กลับมาหาแม่กี๋ครั้งนั้น ได้ไม่นาน ก็มีสมาชิกใหม่เต๋าเต้ย เข้ามาเป็นตัวแปรเพิ่มขึ้น มิหน่ำซ้ำยังต้องยืดเวลาออกไป เมื่อแม่กี๋ต้องเดินทางไปเชียงใหม่กับเต๋าเต้ย อยู่ที่นั้นนานกว่าสองเดือน

เพื่อนบ้านรั้วติดกัน แอบสังเกตหัวโต เมื่อแม่กี๋ไปเชียงใหม่ วันแรกๆหัวโตจะวิ่งเข้าวิ่งออก ระหว่างห้องหลังบ้านกับประตูหน้าบ้าน และร้องคราง ไม่ยอมออกไปไหน นอนเฝ้าอยู่ในห้องทั้งวัน พอพ่อจ๋ากลับบ้าน หัวโตจะออกไปต้อนรับหน้าบ้านทุกเย็น และกลับเข้าไปนอนเงียบๆที่เดิม

วันที่แม่กี๋กลับมาถึงบ้านมหาชัย  หัวโตไม่ได้อยู่ที่บ้านอีกแล้ว พ่อจ๋าบอกว่าเวลาแม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตจะหนีไปนอนที่ห้องแถวเหมือนเดิม แม้นจะไม่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านเขา แต่หัวโตก็เลือกที่จะนอนหน้าประตูบ้าน วิ่งตามไปส่งเขาที่ทำงาน นอนเฝ้าเขาทั้งวัน

พ่อจ๋าต้องเดินไปตามกลับบ้าน เมื่อเห็นหน้าแม่กี๋ หัวโตดีใจมาก เข้ามานัวเนีย นอนเฝ้าหน้าบ้านสักพัก พอเผลอก็วิ่งกลับไปห้องแถวอีก แม่กี๋ได้แต่มองตามอย่างใจหาย

การจากไปเชียงใหม่นานครั้งนี้ ทำให้หัวโตมีสภาพภายนอก กลับไปทรุดโทรมตามเดิม  เพราะขาดการดูแลความสะอาด และขาดช่วงการรักษาโรคประจำตัวทุกโรค และยังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโรคคือ โรคเหงา

“อย่าทิ้งผมไป” หมาที่เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านนั้น มีความต้องการทางสังคมสูงมาก อยากอยู่กับเจ้าของและคนในบ้านมากที่สุด บางตัวไม่สามารถทนกับการอยู่ตามลำพังได้เลย อาจตื่นกลัวพยายามสุดชีวิต เพื่อจะออกไปตามหาเจ้าของ โดยการกัดเคี้ยวขอบประตู หรือขุดใต้ประตู เห่าหรือหอน ทำบ้านยุ่งเหยิง และทำลายข้าวของ บางท่านอาจตั้งข้อสงสัยว่า แล้วที่ผ่านมา ทำไมหัวโตถึงอยู่เองได้ตั้งนมนาน?

แม่กี๋ขอวิเคราะห์จากเรื่องราวที่ผ่านมา แต่ก่อนนี้หัวโตถูกสังคมรังเกียจ ไม่มีคนหรือหมาอยากเข้าใกล้ ตรงกันข้าม หัวโตต้องหนีจากสังคม ไปซุกซ่อนตัวในที่ต่างๆ จนเคยชินกับการต้องอยู่ตามลำพัง

หัวโตไม่ใช่สัตว์เลี้ยงในบ้าน แถมเป็นเกาเหลากับฝูงหมาเจ้าถิ่น จึงไม่มีฝูงของตัวเอง แต่ชีวิตใหม่ได้ทำให้กลับมามีสังคมอีกครั้ง  มีฝูงของตัวเอง ที่ประกอบไปด้วย คนในบ้าน คนที่ห้องแถว   และเวลาแม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตยังแอบไปมีสังคมหมาๆ เข้าไปทักทาย คล้ายจะเป็นมิตรกับ ไข่ตุ๋น หมาแฟลต กับจัมโบ้ หมาหลังบ้าน  สองหมาหนุ่มนิสัยดี ที่หัวโตเคยตั้งแง่ ชอบเห่าไล่ไม่ให้เข้าใกล้รั้วบ้าน เพราะความอิจฉาที่เจ้าสองหนุ่มนั่น แอบมาขอขนมแม่กี๋ที่รั้วหน้าบ้านและรั้วหลังบ้านเป็นประจำทุกวัน

โรคเหงาในหมาแก่หัวโต ไม่ได้แสดงออกเหมือนหมาอื่น หัวโตไม่เคยทำลายข้าวของและไม่เคยมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ หากแต่หัวโตหนีจากไปอยู่ที่อื่น

 การที่แม่กี๋ไม่อยู่บ้านและปล่อยให้อยู่ตามลำพังหลายๆวัน มันเสมือนการถูกตัดออกจากสังคมคนในบ้าน  พอมีคนเปิดประตูใจต้อนรับ ทำดีด้วยและให้อาหาร  หัวโตจึงติดใจและหนีตามเขาไป ในเวลาไม่นาน

ตอนแรกแม่กี๋ทำใจได้ว่า คงเสียหัวโตให้คนอื่นไปแน่ ที่ทำมาถือว่าเป็นการช่วยหมาตกยาก  ได้โอกาสมีที่พักพิงใหม่ที่มั่นคงอีกครั้ง

แต่พอแม่กี๋กลับมาอยู่บ้าน หัวโตก็กลับมาหาทุกวัน แม่กี๋วางแผนมัดใจอีกหน ด้วยการให้อาหาร ดูแลรักษาโรค จับอาบน้ำ  เล่นกับหัวโตและให้เข้ามานอนในบ้านเหมือนเดิม เพียงไม่กี่วันทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ เรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน

หัวโตเชื่อฟังคำสั่งมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สถานภาพของตัวเองดีและไม่กล้าล้ำเส้น นั่นหมายความว่า หัวโต ได้ยอมมอบตำแหน่ง  “หัวหน้าฝูง” ให้แม่กี๋อย่างสมบูรณ์

การเชื่อฟังคำสั่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับให้เป็นหัวหน้าฝูง อาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าสถานการณ์รอบด้านเปลี่ยนไปจากเดิม

 ดังนั้นบทบาท “คุณแม่จอมโหด” จึงยังต้องซ้อมบทต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าฝีมือการแสดงตกกระป๋อง จนเผยความอ่อนแอของตัวเองให้ลูกเห็น เช่น ยอมความ ใจอ่อน อนุโลม สงสาร ละเว้นการดุหรือทำโทษ เมื่อนั้นแม่กี๋จะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งอำนาจเสื่อมโดยไม่รู้ตัว

จะเห็นว่า การพิชิตใจลูกด้วย “อำนาจ” อาจเสื่อมสลายไปได้ในวันหนึ่ง ดังนั้นหากต้องการครองใจลูกอย่างอมตะนิรันดร์กาล แม่กี๋ควรใช้ความรักเป็นกาวใจ สานสายใยความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น แล้วเมื่อถึงวันนั้น การเชื่อฟังคำสั่งเพราะอำนาจ จะเปลี่ยนเป็นการโอนอ่อนผ่อนตามเพราะอำนาจ.....ความรักและความภักดี


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย มัตติกา จอมเพ็ชร์ - Thursday, 2 March 2006, 09:46PM
 
ในที่สุดหัวโตจอมโหด  ก็ยินยอมรับแม่กี๋ให้เป็น"หัวหน้าฝูง"  ต้องเป็นผู้ที่ทำให้บางแก้วเอาแต่ใจทั้งหลายยอมรับได้เท่านั้น  แต่ความดื้อรั้นของเจ้าบางแก้วแต่ละตัวก็ย่อมแตกต่าง  นั่นแสดงว่าแม่กี๋  มีความเป็นผู้นำ  และความโหดเข้าขั้นดีอย่างยิ่ง  อย่างนี้สาวหัวอ่อนอย่างนีโมคงไม่บังอาจไปต่อกรกับเต๋าเต้ย  และลุงหัวโตเป็นแน่
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 2 March 2006, 10:39PM
 

คุณแม่สาวนีโมเจ้าขา แม่กี๋สวมบทโหด แต่กริ๊บๆ แอบมีสคลิป..โหด มัน ฮา เว้นวรรคให้ฮักกันนานๆ..แล้วน้า

ว่าแต่สาวน้อยหัวอ่อน...แอบคุณแม่ขา มาดริ้งเบียร์ตราช้างหรือป่าวคะเนี่ย เห็นนอนเคล้ง อยู่ชิดติดลังเบียร์...คือภาพมันฟ้องนะค้า...คิก  คิก


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 3 March 2006, 11:26PM
 

อี่ป้อ กะ อี่แม่ และน้องหมาบางแก้วตี้ฮักตั๊งหลาย  ระเบียงความคิดของแม่กี๋ชักจะรกรุงรัง เป็นที่น่าเกรงใจ ผู้มาเยี่ยมเยือน เพราะกว่าจะฝ่าขึ้นมาถึงระเบียงแห่งนี้ ได้จิบความคิด พิชิตใจลูกรัก ต้องเลื่อนลงมา จนตาล้าตาลาย แม่กี๋จึงขออนุญาตย้ายที่เม้าท์ใหม่

แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจว่า จะเหาะขึ้นไปบนดาดฟ้า หรือจา..มุดลงไปนั่งอู้!!อยู่ในห้องใต้ดินดี...น้อ

ขอลาจ้อ..บ๊าย..บ๋าย ไปติดป้าย...........ปิดชั่วคราว?..เพื่อหาทำเลใหม่....ก่อนค้า

                                                                 ขอแสดงความนับถืออย่างแฮง

                                                                 ลงนาม..แม่กี๋ ท่ายาง เมืองเพชรฯ


Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew